16 ก.ย. 2554

การปรากฏตัวของจานผี ตอน 2

หรือคนโนราณเคยเจอกับจานบินมาแล้ว 


        ถ้าใครได้อ่านตอนแรกคงจะคิดกันว่ามันจบครึ่งๆ กลางๆ  เขียนไม่ทันไรก็จบซะแล้ว  ครับพอดีเห็นว่ามันเยอะแล้วเลยตัดตอนออกเป็น 2 ตอน   ไม่มีอะไรจะพูดและไม่รู้ว่าจะพูดอะไร  อ่านต่อเลยดีกว่า

         วันที่ 21 ตุลาคม  ปี 1978  เฟร็ดดริก  วาเลนติช   ขับเครื่องบินส่วนตัว   เชสนา 182 จากเมลเบิร์น   ไปยังเกาะคิงโดยข้ามช่องแคบแบซซ์  เวลา 7.06 น.   เขาสังเกตเห็นดวงไฟสี่ดวงลอยเหนือเครื่องบินเขา  จึงแจ้งวิทยุไปยังศูนย์ควบคุมการจราจรการบินที่เมลเบิร์น   เพื่อถามว่ามันคืออะไร   หลังจากนั้นก็มีการถามกลับไปกลับมากันอยู่หลายประโยค  แต่พอจะสรุปใจความได้ว่า   นาย  เฟร็ดดริก  วาเลนติช   เจอกับยานบินลึกลับที่มีแสงว่างในตัวเองบินรอบเครื่องบินด้วยความเร็วสูง   สังเกตจากที่เขาไม่สามารถบอกรูปร่างของยานประหลาดนั้นได้  ทางศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศก็บอกว่าไม่เครื่องบินชนิดใดในบริเวณนั้น  และดูเหมือนว่าทางศูนย์ ฯ ไม่เชื่อว่ายานนั้นจะแว่บหายไปตามคำพูดของนักบิน   จากนั้นสัญญาณการติดต่อก็ขาดหายไปพร้อมกับนายเฟร็ดดริก  วาเลนติช   ไม่มีใครเจอเขาหรือซากเครื่องบินเชสนา 182   อีกเลย !!! 


ภาพอะไรไม่รู้ลงมาให้ดูเล่นๆ

         เรื่องนี้จานบินไม่ได้โผล่ที่เครื่องบินอย่างทุกครั้งแต่มันชัดกว่านั้น   เพราะว่ามันไปโผล่ที่บนท้องฟ้าของกรุงเตหะราน  ประเทศอิหร่านในปี 1976  วันที่ 19 กันยายน   ตอนเที่ยงคืนเล็กน้อย   มีคนโทรศัพท์ไปที่ฐานบินแอร์ฟอร์ซชาห์โรกี  ว่ามีจานบินส่องแสงสว่างบนท้องฟ้า   เมื่อเรื่องทราบถึงผู้บังคับบัญชาหน่วยเหนือ   จึงส่งเครื่องไอพ่น F 4 แพนทอมขึ้นไป   แต่บินไปได้ 25 ไมล์จากยานประหลาดนั้นเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดหยุดทำงานเสียเฉยๆ  เป็นผลทำให้ต้องบินกลับฐาน   แต่ยังไม่ทันถึงฐานบินเครื่องมือสื่อสารทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ   เครื่องบินลำที่ 2 จึงออกติดตามต่อ   แต่จานบินก็บินหนีออกห่างไป
         ครั้นเครื่องบินไอพ่นลำที่ 2 พยายามบินตามติด   จานบินนั้นก็ปล่อยลูกไฟดวงเล็กๆ พุ่งเข้ามา   และเหมือนหนังฉายซ้ำเครื่องมือสื่อสารก็หยุดทำงาน  แล้วยานบินขนาดเล็กหรือจานลูกนั้นก็กลับไปบินรอบจานบินลำใหญ่   แต่เหมือนกับว่าเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจ   เพราะจานผีนั้นปล่อยจานผีเล็กออกมาและบินห่างออกไปลงจอดอย่างนิ่มนวลบนบึงที่แห้งขอด   ส่วนจานผีลำใหญ่ได้ลับหายไปกับกลีบเมฆทางทิศใต้ของกรุงเตหะราน   เช้าวันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจที่บึงแห้งขอดที่จานผีลำเล็กลงจอด แต่ไม่เจอร่องรอยแต่อย่างใด ?

สภาพป่าที่วัตถุลึกลับตกใส่

         เมื่อโลกโดนถล่มด้วยอาวุธของจานบิน
         ถึงจะใช้คำแรงไปหน่อยแต่มันไม่ต่างกันนักหรอก   เพราะวัตถุลึกลับที่ตกลงมามันแรงพอๆ  กับระเบิดประมาณูขนาดเล็ก!  ในปี 1908   เขตไซบีเลียของรัสเซีย   มีคนพบเห็นวัตถุลึกลับตกลงมาจากฟ้าแล้วเกิดระเบิดขึ้นเป็นแนวราบ   แรงระเบิดครั้งนั้นทำให้ต้นไม้ล้มระเนระนาดกว้างหลายตารางไมลล์   บ้านเรือนพังพินาศ   และเกิดหมอกปกคลุมในลอนดอนและเนเธอร์แลน  ชาวบ้านชาวช่องของลอนดอนพากันโทรศัพท์กันวุ่นวายเพราะคิดว่าเกิดไฟไหม้ในลอนดอน  ด้วยเหตุที่มันอยู่ห่างไกลชุมชนและเหตุผลทางการเมืองทางรัสเซียจึงไม่ให้ความสนใจเท่าไหร่   
         ปี 1927  ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1   ดร. ลีโอนิด เอ.คูลิค  ผู้เชียงชาญอาวุธระเบิด   รับคำสั่งให้ไปตรวจสอบบริเวณที่โดนระเบิด   ถึงจะผ่ามานานกว่า 20 ปี แต่ร่องรอยที่เหลืออยู่ก็สร้างความประหลาดใจให้กับเขา   เพราะว่าแรงระเบิดรุนแรงมากถึงกับถอนรากถอนโค่นต้นไม้ออกมาจนบริเวณนั้นราบเรียบ   แต่ไม่พบหลุมระเบิดตามที่มันควรจะมี   ไปถามพยานเห็นเหตุการณ์ก็ให้การไปต่างๆ นานา   แน่นอนว่าไม่สามารถสรุปรูปร่างของวัตถุที่ตกลงมาได้ 
         ปี 1947  อีก 20 ปีต่อมา  จานผีเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น   นักค้นคว้าจานบินลงไปตรวจสอบและบอกว่า  มันอาจจะเป็นอาวุธของมนุษย์ต่างดาว  เนื่องจากเจอลูกกลมๆ   เปลือกมันวาวสุกใสนับพันในบริเวณนั้น   คล้ายกับที่พบในเขตทดสอบนิวเคลียร์   และในปีที่เกิดเหตุมีคนพบมนุษย์ต่างดาวแต่จับตัวไว้ไม่ได้

         ปี 1986  วันที่ 17 พฤศจิกายน   เคนจิอุ  เทราอูชิ   นักบินสายการบินญี่ปุ่น เจ.เอ.แอล   ขณะขับเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 747 จากโตเกียวไปยีงอลาสกา   ที่ความสูง 37,000 ฟุต  เขาเห็นจานผี 2 ครั้ง  ครั้งแรกเห็นนานถึงยี่สิบนาที   ครั้งที่สองเห็นเพียง 10 นาที  ลักษณะเป็นดวงไฟรวมกันเป็นกลุ่มๆ เคลื่อนที่ไปมา   แต่ขากลับจากอลาสกาเขากลับเจอมันบินอยู่ข้างหน้า   ตอนแรกคิดว่าเป็นยานหรือเครื่องบินของทหาร   จึงสอบถามทางศูนย์ควบคุมการจราจรการบินที่อยู่ใกล้ว่าเขายังบินตามเส้นทางที่กำหนดไว้หรือไม่   ทางศูนย์ ฯ ก็ตอบมาว่ายังบินตามเส้นทางเดิมปกติ   ในขณะเดียวกันจอเดราห์ของศูนย์ควบคุมจราจรการบินและศูนย์ควบคุมเขตอากาศยานทหารในเขตนั้นก็พบแสงประหลาดเหมือนกัน

         ปี 1981  วันที่ 17 เมษายน  เรือเดินทะเลโตเกียว  มารุ   ก็เจอเข้ากับยานบินประหลาดที่โผล่ขึ้นมาจากใต้ทะเล   มันมีลักษณะยาวๆ คล้ายไส้กรอก  มีแสงสว่างไสวทั้งๆ ที่เป็นตอนกลางวัน  สภาพอากาศตอนนั้นก็เงียบสงัด  จานผีใต้ทะเลได้บินวัดเฉวียนเป็นวงกลมรอบเรือ  และก็เกิดเหตุการณ์ที่เหมือนๆ กับเหตุการณ์อื่นๆ คือ อุปกรณ์การสื่อสารใช้การไม่ได้  และในที่สุดมันก็จมใต้ทะเลหายไป


วัตถุที่คล้ายกับเครื่องบิน

         ถ้าสังเกตให้ดีๆ แล้วจะพบว่าทุกครั้งที่เข้าใกล้จานบินประหลาดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดจะใช้การไม่ได้   พอคิดถึงเรื่องนี้ทีไรผมมักจะนึกถึงการ์ตูนเรื่อง  GUNDUM  OO   ที่กันดัมของฝ่ายองกรณ์ติดอาวุธเอกชน  ซีเรทซ์เชียวส์บีอิง   ลงมาปฏิบัติการที่ไรมักจะปล่อยคลื่นอนุภาค  GN   เพื่อตัดการสื่อสารของฝ่ายตรงข้าม   เพื่อไม่ให้แจ้งศูนย์ควบคุมได้   จานบินก็อาจจะทำด้วยเหตุผลเดียวกัน   แต่เพื่ออะไรล่ะ ?   ปกปิดการมีตัวตนของตัวเองนั้นหรือ !!   ผมว่ามันก็มีส่วนอยู่เหมือนกัน   ถ้าไม่แน่ใจลองมาอ่านเหตุการณ์นี้ดู

         ปี  1939   เครื่องบินลำเลียงในกิจการทางการทหาร   บินขึ้นจากฐานบินทางทะเลของกองทัพเรือในซานดิเอโก  เวลา  15.30 น.  3 ชั่วโมงต่อมา  สัญญาณแจ้งภับพิบัติก็เกิดขึ้นในขณะที่การสื่อสารขาดหายไป  และเครื่องบินพยายามร่อนลงอย่างฉุกเฉิน   เมื่อเจ้าหน้าที่รีบเข้าไปดูก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็น   เพราะว่าในเครื่องบินลำนั้นมีคนเสียชีวิต  12 คน   เหลือแต่นักบินมือสองที่อาการสาหัสแต่อีกไม่กี่นาทีต่อมาเข้าก็ตายตามกันไป   สภาพศพทุกคนมีบาดแผลเหวอะหวะและเหม็นคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาว   และมีเปลือกหอยกระจายอยู่เต็มห้องนักบิน   และสภาพศพทุกคนกำลังเอื้อมไปหยิบปืน .45 โคลท์   ความเป็นไปได้มากที่เกิดการสู้รบกับสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่มีเทคโนโลยีสูงมากๆ   เนื่องจากสภาพด้านนอกเครื่องบินยับเหมือนโดนถล่มด้วยขีปนาวุธ

         เป็นไปได้ไหม ! ที่เครื่องบินดังกล่าวไปรบกับจานบิน   โดยจานบินตัดการสื่อสาร   และฆ่าทุกคนด้วยเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น