1 ก.ย. 2554

ตำนานเทพมังกร

         ตำนานเทพมังกร
         ในเมื่อหาคำอธิบายไม่ได้ก็ต้องกลับไปพึ่งเทพเจ้าซึ่งเป็นความเชื่อที่อยู่กับมนุษย์มายาวนานที่สุด  ลองมาดูความเชื่อกันบ้าง

         ทั่วทั้งโลกคงไม่มีใครไม่รู้จักมังกรแต่จะรู้จักในด้านดีหรือร้ายเท่านั้น  ชาวตะวันตกจะเห็นมังกรเป็นปีศาจที่เป็นอันตรายต่อชีวิตถึงมีนิทานอัศวินปราบมังกรอยู่ตั้งหลายเรื่อง  ถ้าคุณอ่านนิทานแนวนี้อยู่ผมกล้าฟันธงได้เลยว่า  อัศวินจะออกมาช่วยต่อเมื่อชาวบ้านชาวเมืองเอาหญิงพรมจรรย์ไปสังเวยต่อมังกรเท่านั้น  ทีเป็นหมูหมากาไก่หรือที่ฮิตกันสุดอย่างแกะไม่เห็นมีใครออกมาช่วยเลย  (กลับเข้าเรื่องต่อดีกว่า !)  แต่ชาวตะวันออกอย่างเราๆ ท่านๆ จะเห็นมังกรเป็นสัตว์เทพ  เป็นสัญาลักษณ์ของพลังอำนาจ  บุญบารมี  ก็เลยทำให้มังกรตะวันออกมีฐานะดี  เพราะมีคนมาบรรณาการอาหารคาวหวานก็เยอะแยะ  ญี่ปุ่นเองก็มีความเชื่อแบบนี้อยู่เหมือนกัน

         ชาวบ้านชาวช่องตะวันออกเชื่อว่าที่อยู่ของมังกรจะอยู่ในถ้ำใต้ดิน  ใต้แม่น้ำ  ใต้ทะเล  ใต้ภูเขา  ดูเหมือนว่ามันจะชอบอยู่ใต้ทุกอย่างที่ดูมืดมน (ไม่ใช่ใต้โอ่งบ้านเราแน่ๆ) และไม่มีสัตว์หรืออะไรกล้าเข้าไป  บันทึกของชาวจีนเขียนบอกเรื่องเรื่องมังกรไว้หลายแนวเลยแต่พอจะสรุปออกมาไว้ว่า  คนธรรมดาอย่างเราๆ จะไม่มีวันได้เห็นมังกร  แต่เราจะเห็นพลังของมันจากพายุ  คลื่นยักษ์  ฝนตก  ฟ้าผ่า  ล้วนแต่เป็นพลังของมังกร

         มีนิทานปรัมปราของจีนเขียนไว้ว่า  วังของมังกรอยู่ใต้น้ำห่างจากเมืองซูซูแล่นเรือประมาณ 5-6 วันถึง  บริเวณนั้นกระแสน้ำมักปั่นป่วน  มีเสียงคำราม  มีแสงประหลาดพาดยาวใต้น้ำในยามราตรี  ชาวจีนอธิบายว่าเสียงคำรามอาจเป็นเสียงภูเขาไฟระเบิด  ส่วนแสงประหลาดอาจจะเป็นแสงจากจานบินหรือจานผี 

         แต่มนุษย์ก็เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ถึงจะนับถือมังกรเป็นเทพแต่ก็ยังมีตัวยาที่ต้องใช้กระดูกมังกรและเขี้ยวมังกรเป็นส่วนประกอบสำคัญ  ขนาดเป็นถึงเทพมนุษย์ยังกินได้ลงเลย !?!  ตัวยาที่ว่านั้นจัดว่าเป็นยาวิเศษเลยก็ว่าได้เพราะรักษาได้สารพัดโรคทั้ง  โรคบิด  โรคท้องร่วง  นิ่วในถุงน้ำดี  โปลิโอ  ลำไส้อักเสบ  แผลฝีหนองอักเสบเรื้อรัง  โรคภัยไข่เจ็บในสตรีมีครรภ์  แค่โรยภายในจมูกและหูเลือดก็หยุดไหลแล้ว  แต่หนังสือผมอ้างอิงไม่ได้บอกไว้ว่าเลือดหยุดไหลทุกบาดแผลหรือแค่ที่จมูกและหู

         หนังสือประวัติศาสตร์จีนฉบับหนึ่งกว่าไว้ว่า  เมื่อ 2000 ปีก่อน  ประชาชนจะเซ่นสังเวยเทพโฮโป  เทพแห่งแม่น้ำทั้งปวง  ด้วยการเสนอหญิงพรหมจรรณ์สวยงามทุกปี  (ฟังดูเหมือนกับเทพโปไซดอนยังไงไม่รู้) ให้ไปเป็นชายาของพระองค์  เพื่อพระองค์พอใจจะได้ลดความรุนแรงของภัยพิบัติลง  แต่ก็ไม่มีบันทึกว่าพระองค์ได้รับหรือเปล่า  มุกสาวงามใช้ได้ทุกที่ทุกเวลาทุกตำนานเลยนะเนี่ย  (งั้นเทพโฮโปก็ได้เปิดซิงค์ทุกปีเลยนะซิ  โอ้วววววว !!!

         ขอหยุดความเชื่อเกี่ยวกับมังกรของชาวจีนแค่ก่อนดีกว่าเพราะว่ามีเยอะมาก  แค่ก็พอสรุปได้ว่ามังกรมีความสำคัญกับชาวจีนทั้งเรื่องประกอบอาชีพ  ความสงบสุข  และการรักษา  ไม่รู้ว่าเพราะเหตุนี้ถึงยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักษัตรด้วยหรือเปล่า

         มังกรของชาวญี่ปุ่น
         ผมไปอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง (จริงๆ ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ก็มาจากหนังสือเล่นนั้นแหละ)  ที่มีบันทึกการพบเจอของมังกรหรือสัตว์ที่รูปร่างคล้ายมังกรในบริเวณน่านน้ำของญี่ปุ่นเวลาแค่ไม่กี่ 10 ปีมานี้เอง  ลองอ่านแล้วเปรียบเทียบกับตำนานดู  ตำนานบางตำนานอาจเป็นจริงบ้างก็ได้

         ปี 1902 เรือกลไฟชิลลากัว  ควบคุมโดยกัปตันดับบลิว.เฟิร์ต  พบเห็นสัตว์ประหลาดมีขนาดใหญ่ยาว 30 ฟุตมีครีบใหญ่สี่ครีบ  หัวคล้ายแมวน้ำขนาดใหญ่  เรือเขาแล่นไปใกล้แล้วมันก็ดำน้ำหายไป 

         ปี 1906  ผู้โดยสารเรือกลไฟจาวาของดัตช์ที่กำลังแล่นฝ่าคลื่นลมมหาสมุทรอินเดีย  เจอกับสัตว์ประหลาดคล้ายงูทะเลยักษ์โผล่ขึ้นจากทะเลประมาณ 6 ฟุต  และปีต่อมาลูกเรือกลไฟซอนเดลก็พวสัตว์ประหลาดแบบเดียวกัน

         ปี 1976 เรือเดินทะเลเนสเตอร์  พบเจอกับสัตว์ทะเลยักษ์ทางตอนใต้ของญี่ปุ่นขณะมุ่งหน้าไปเซียงไฮ้  และปี 1977 เรือเดินทะเลจอร์เจียก็พบอีกเหมือนกัน  ขณะแล่นเรือออกจากย่างกุ้งไป 3-4 วัน

         ปี 1970 เรือส่งสินค้าเพรซิเดนท์  แล่นไปไปชนกับสัตว์ประหลาดจนน้ำแตกกระจาย  ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นสัตว์ชนิดใดรู้แต่ว่ามันตัวใหญ่มาก

         ด้ามหาสมุทรแอตแอนติสก็เจอเหมือนกัน    ปี 1947 มีข่าวว่าเรือโดยสารซานตาคราลาชนกับสัตว์ทะเลยักษ์ลำตัวยาว 45 ฟุต  ผู้พบเห็นคือมิสเตอร์  วิลเลี่ยม  ฮัทฟรีย์  เป็นกัปตันเรือ  มิสเตอร์จอห์น  อเซลสันและมิสเตอร์จอห์น  ริกนี่ย์  เป็นลูกเรือ  ให้สัมภาษณ์ว่า  เขาเห็นหัวมันโผล่ขึ้นมาท่ามกลางเลือดแดงฉาด  คงจะชนเข้ากับกระดูกงูของเรือ
       
         นอกจากนั้นยังเจอกับสัตว์ที่คล้ายกับ  เพลสซิโอเสาร์  สัตว์ทะเลดึกดำบรรพ์เมื่อ 60 ล้านปีมาแล้วทั้งที่เจอเป็นซากเมื่อปี 1977  ที่ตอนใต้ของดอนแดนมังกรปีศาจแต่ขณะที่เรือกำลังจะพาขึ้นฝั่งมันกลับเน่าเหม็นคละคลุ้งจนทนไม่ได้เลยต้องทิ้งลงทะเลไปแต่ก่อนหน้านั้นก็ถ่ายภาพไว้เมื่อขึ้นฝั่งลองส่งภาพไปตรวจสอบ  เจ้าซากศพนั้นดันมีรูปร่างเหมือนเพลสซิโอเสาร์ซะนี่ !   นอกจากนั้นยังมีกะลาสีเรือหลายคนบรรยายลักษณะของสัตว์ประหลาดที่เจอคล้ายกับเพลสซิโอเสาร์อีกด้วย  ตั้งแต่ปี 1812เป็นต้นมามีรายงานพบสัตว์ลักษณะเดียวกันถึง 53 ครั้งในเส้นทางอลาสกากับโอเรกอน 
         ไม่แน่ว่าเจ้ายักษ์ดึกดำบรรพ์นี่อาจมีเอี่ยวกับสัตว์ประหลาดที่ชอบผลุบๆ โผล่ๆ แถวๆ  ทะเลสาบบล็อกเนสและล็อกแอลท์  และยังเจอในทะเลส่าบหลายแห่งในไอแลนด์  สวีเดน  นอร์เวย์  ในอเมริกาเจอแถวๆ ทะเลสาบรัฐแคลอร์เนีย  มินนิโซตา  มอนตานา  เนวาตานา  เนวาดา  โอเรกอน  ยูทาห์  วิสคอนซิน  อลาสกา  และทะเลสาบระหว่างนิวยอร์กกับเวอร์มองต์  ในแคนาดาพบที่มานิโตบา  ควีเบ็ก  และออนตาริโอ  และในเขนชานเมืองโตรอนโต  นอกจากนั้นยังเจอแถวๆ รัสเซียและจีนอีกหลายแห่ง
         คงไม่มีใครเล่นตลกแอบเพาะพันธุ์มันขึ้นมาใหม่แล้วเกิดหลุดออกมาเหมือนกันนิยายวิทยาศาสตร์  ก็หมายความว่ามันก็เป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่เหลือรอดจากการสูญพันธุ์ในยุคไดโนเสาร์  และอาจจะเป็นมังกรตามตำนานเล่าขาน  ส่วนขาที่เห็นตามรูปวาดก็จะเป็นแค่จินตนาการที่วาดเติมหรือเพี้ยนตามกาลเวลา  ถ้าเป็นจริงตามนี้ทุกอย่างจะลงตัวทันที  แต่เสียได้ที่ผมไม่ใช่เชอร์ล็อกโฮมหรือโคนันจึงไม่อาจสรุปได้อย่างแน่ชัด

3 ความคิดเห็น :

  1. เยี่ยมมากเลย ข้าชอบเรื่องนี้ (ข้าไม่ใช่ผู้ชายเฟ้ยอย่าเข้าใจผิด)

    ตอบลบ