ตำนานเทพมังกร
ในเมื่อหาคำอธิบายไม่ได้ก็ต้องกลับไปพึ่งเทพเจ้าซึ่งเป็นความเชื่อที่อยู่กับมนุษย์มายาวนานที่สุด ลองมาดูความเชื่อกันบ้าง
ทั่วทั้งโลกคงไม่มีใครไม่รู้จักมังกรแต่จะรู้จักในด้านดีหรือร้ายเท่านั้น ชาวตะวันตกจะเห็นมังกรเป็นปีศาจที่เป็นอันตรายต่อชีวิตถึงมีนิทานอัศวินปราบมังกรอยู่ตั้งหลายเรื่อง ถ้าคุณอ่านนิทานแนวนี้อยู่ผมกล้าฟันธงได้เลยว่า อัศวินจะออกมาช่วยต่อเมื่อชาวบ้านชาวเมืองเอาหญิงพรมจรรย์ไปสังเวยต่อมังกรเท่านั้น ทีเป็นหมูหมากาไก่หรือที่ฮิตกันสุดอย่างแกะไม่เห็นมีใครออกมาช่วยเลย (กลับเข้าเรื่องต่อดีกว่า !) แต่ชาวตะวันออกอย่างเราๆ ท่านๆ จะเห็นมังกรเป็นสัตว์เทพ เป็นสัญาลักษณ์ของพลังอำนาจ บุญบารมี ก็เลยทำให้มังกรตะวันออกมีฐานะดี เพราะมีคนมาบรรณาการอาหารคาวหวานก็เยอะแยะ ญี่ปุ่นเองก็มีความเชื่อแบบนี้อยู่เหมือนกัน
ชาวบ้านชาวช่องตะวันออกเชื่อว่าที่อยู่ของมังกรจะอยู่ในถ้ำใต้ดิน ใต้แม่น้ำ ใต้ทะเล ใต้ภูเขา ดูเหมือนว่ามันจะชอบอยู่ใต้ทุกอย่างที่ดูมืดมน (ไม่ใช่ใต้โอ่งบ้านเราแน่ๆ) และไม่มีสัตว์หรืออะไรกล้าเข้าไป บันทึกของชาวจีนเขียนบอกเรื่องเรื่องมังกรไว้หลายแนวเลยแต่พอจะสรุปออกมาไว้ว่า คนธรรมดาอย่างเราๆ จะไม่มีวันได้เห็นมังกร แต่เราจะเห็นพลังของมันจากพายุ คลื่นยักษ์ ฝนตก ฟ้าผ่า ล้วนแต่เป็นพลังของมังกร
มีนิทานปรัมปราของจีนเขียนไว้ว่า วังของมังกรอยู่ใต้น้ำห่างจากเมืองซูซูแล่นเรือประมาณ 5-6 วันถึง บริเวณนั้นกระแสน้ำมักปั่นป่วน มีเสียงคำราม มีแสงประหลาดพาดยาวใต้น้ำในยามราตรี ชาวจีนอธิบายว่าเสียงคำรามอาจเป็นเสียงภูเขาไฟระเบิด ส่วนแสงประหลาดอาจจะเป็นแสงจากจานบินหรือจานผี
แต่มนุษย์ก็เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ถึงจะนับถือมังกรเป็นเทพแต่ก็ยังมีตัวยาที่ต้องใช้กระดูกมังกรและเขี้ยวมังกรเป็นส่วนประกอบสำคัญ ขนาดเป็นถึงเทพมนุษย์ยังกินได้ลงเลย !?! ตัวยาที่ว่านั้นจัดว่าเป็นยาวิเศษเลยก็ว่าได้เพราะรักษาได้สารพัดโรคทั้ง โรคบิด โรคท้องร่วง นิ่วในถุงน้ำดี โปลิโอ ลำไส้อักเสบ แผลฝีหนองอักเสบเรื้อรัง โรคภัยไข่เจ็บในสตรีมีครรภ์ แค่โรยภายในจมูกและหูเลือดก็หยุดไหลแล้ว แต่หนังสือผมอ้างอิงไม่ได้บอกไว้ว่าเลือดหยุดไหลทุกบาดแผลหรือแค่ที่จมูกและหู
หนังสือประวัติศาสตร์จีนฉบับหนึ่งกว่าไว้ว่า เมื่อ 2000 ปีก่อน ประชาชนจะเซ่นสังเวยเทพโฮโป เทพแห่งแม่น้ำทั้งปวง ด้วยการเสนอหญิงพรหมจรรณ์สวยงามทุกปี (ฟังดูเหมือนกับเทพโปไซดอนยังไงไม่รู้) ให้ไปเป็นชายาของพระองค์ เพื่อพระองค์พอใจจะได้ลดความรุนแรงของภัยพิบัติลง แต่ก็ไม่มีบันทึกว่าพระองค์ได้รับหรือเปล่า มุกสาวงามใช้ได้ทุกที่ทุกเวลาทุกตำนานเลยนะเนี่ย (งั้นเทพโฮโปก็ได้เปิดซิงค์ทุกปีเลยนะซิ โอ้วววววว !!!)
ขอหยุดความเชื่อเกี่ยวกับมังกรของชาวจีนแค่ก่อนดีกว่าเพราะว่ามีเยอะมาก แค่ก็พอสรุปได้ว่ามังกรมีความสำคัญกับชาวจีนทั้งเรื่องประกอบอาชีพ ความสงบสุข และการรักษา ไม่รู้ว่าเพราะเหตุนี้ถึงยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักษัตรด้วยหรือเปล่า
มังกรของชาวญี่ปุ่น
ผมไปอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง (จริงๆ ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ก็มาจากหนังสือเล่นนั้นแหละ) ที่มีบันทึกการพบเจอของมังกรหรือสัตว์ที่รูปร่างคล้ายมังกรในบริเวณน่านน้ำของญี่ปุ่นเวลาแค่ไม่กี่ 10 ปีมานี้เอง ลองอ่านแล้วเปรียบเทียบกับตำนานดู ตำนานบางตำนานอาจเป็นจริงบ้างก็ได้
ปี 1902 เรือกลไฟชิลลากัว ควบคุมโดยกัปตันดับบลิว.เฟิร์ต พบเห็นสัตว์ประหลาดมีขนาดใหญ่ยาว 30 ฟุตมีครีบใหญ่สี่ครีบ หัวคล้ายแมวน้ำขนาดใหญ่ เรือเขาแล่นไปใกล้แล้วมันก็ดำน้ำหายไป
ปี 1906 ผู้โดยสารเรือกลไฟจาวาของดัตช์ที่กำลังแล่นฝ่าคลื่นลมมหาสมุทรอินเดีย เจอกับสัตว์ประหลาดคล้ายงูทะเลยักษ์โผล่ขึ้นจากทะเลประมาณ 6 ฟุต และปีต่อมาลูกเรือกลไฟซอนเดลก็พวสัตว์ประหลาดแบบเดียวกัน
ปี 1976 เรือเดินทะเลเนสเตอร์ พบเจอกับสัตว์ทะเลยักษ์ทางตอนใต้ของญี่ปุ่นขณะมุ่งหน้าไปเซียงไฮ้ และปี 1977 เรือเดินทะเลจอร์เจียก็พบอีกเหมือนกัน ขณะแล่นเรือออกจากย่างกุ้งไป 3-4 วัน
ปี 1970 เรือส่งสินค้าเพรซิเดนท์ แล่นไปไปชนกับสัตว์ประหลาดจนน้ำแตกกระจาย ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นสัตว์ชนิดใดรู้แต่ว่ามันตัวใหญ่มาก
ด้ามหาสมุทรแอตแอนติสก็เจอเหมือนกัน ปี 1947 มีข่าวว่าเรือโดยสารซานตาคราลาชนกับสัตว์ทะเลยักษ์ลำตัวยาว 45 ฟุต ผู้พบเห็นคือมิสเตอร์ วิลเลี่ยม ฮัทฟรีย์ เป็นกัปตันเรือ มิสเตอร์จอห์น อเซลสันและมิสเตอร์จอห์น ริกนี่ย์ เป็นลูกเรือ ให้สัมภาษณ์ว่า เขาเห็นหัวมันโผล่ขึ้นมาท่ามกลางเลือดแดงฉาด คงจะชนเข้ากับกระดูกงูของเรือ
นอกจากนั้นยังเจอกับสัตว์ที่คล้ายกับ เพลสซิโอเสาร์ สัตว์ทะเลดึกดำบรรพ์เมื่อ 60 ล้านปีมาแล้วทั้งที่เจอเป็นซากเมื่อปี 1977 ที่ตอนใต้ของดอนแดนมังกรปีศาจแต่ขณะที่เรือกำลังจะพาขึ้นฝั่งมันกลับเน่าเหม็นคละคลุ้งจนทนไม่ได้เลยต้องทิ้งลงทะเลไปแต่ก่อนหน้านั้นก็ถ่ายภาพไว้เมื่อขึ้นฝั่งลองส่งภาพไปตรวจสอบ เจ้าซากศพนั้นดันมีรูปร่างเหมือนเพลสซิโอเสาร์ซะนี่ ! นอกจากนั้นยังมีกะลาสีเรือหลายคนบรรยายลักษณะของสัตว์ประหลาดที่เจอคล้ายกับเพลสซิโอเสาร์อีกด้วย ตั้งแต่ปี 1812เป็นต้นมามีรายงานพบสัตว์ลักษณะเดียวกันถึง 53 ครั้งในเส้นทางอลาสกากับโอเรกอน
ไม่แน่ว่าเจ้ายักษ์ดึกดำบรรพ์นี่อาจมีเอี่ยวกับสัตว์ประหลาดที่ชอบผลุบๆ โผล่ๆ แถวๆ ทะเลสาบบล็อกเนสและล็อกแอลท์ และยังเจอในทะเลส่าบหลายแห่งในไอแลนด์ สวีเดน นอร์เวย์ ในอเมริกาเจอแถวๆ ทะเลสาบรัฐแคลอร์เนีย มินนิโซตา มอนตานา เนวาตานา เนวาดา โอเรกอน ยูทาห์ วิสคอนซิน อลาสกา และทะเลสาบระหว่างนิวยอร์กกับเวอร์มองต์ ในแคนาดาพบที่มานิโตบา ควีเบ็ก และออนตาริโอ และในเขนชานเมืองโตรอนโต นอกจากนั้นยังเจอแถวๆ รัสเซียและจีนอีกหลายแห่ง
คงไม่มีใครเล่นตลกแอบเพาะพันธุ์มันขึ้นมาใหม่แล้วเกิดหลุดออกมาเหมือนกันนิยายวิทยาศาสตร์ ก็หมายความว่ามันก็เป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่เหลือรอดจากการสูญพันธุ์ในยุคไดโนเสาร์ และอาจจะเป็นมังกรตามตำนานเล่าขาน ส่วนขาที่เห็นตามรูปวาดก็จะเป็นแค่จินตนาการที่วาดเติมหรือเพี้ยนตามกาลเวลา ถ้าเป็นจริงตามนี้ทุกอย่างจะลงตัวทันที แต่เสียได้ที่ผมไม่ใช่เชอร์ล็อกโฮมหรือโคนันจึงไม่อาจสรุปได้อย่างแน่ชัด
เยี่ยมมากเลย ข้าชอบเรื่องนี้ (ข้าไม่ใช่ผู้ชายเฟ้ยอย่าเข้าใจผิด)
ตอบลบดี
ตอบลบดี
ตอบลบ