5 ก.ย. 2554

ตำนานเรือปีศาจในดินแดนสามเหลี่ยมมังกรปีศาจและเบอร์บิวดา



      
        นอกจากเรือและเครื่องบินหายไปอย่างลึกลับแล้วในดินแดนสามเหลี่ยมมังกรปีศาจ  สามเหลี่ยมเบอร์บิวดาและบริเวณใกล้เคียงยังมีการพบเรือที่หลายคนต่างลงความเห็นกันว่าเป็นเรือปีศาจที่ผลุบๆ โผล่ๆ  หรือไม่ก็มีเหตุการณ์ประหลาดบนเรือลำนั้นด้วย  ลองมาดูประวัติการพบเห็นของเรือปีศาจกันก่อนดีกว่า

         ปี 1989 เรือล่าปลาวาฬลำใหญพบเรือใบประหลาดแล่นอย่างไร้จุดหมาย  ลูกเรือสังเกตเห็นว่ามีคนถือพวงมาลัยอยู่  กัปตันโมริโอ  ซาคากามิ  พร้อมลูกเรือปีนขึ้นไปดูปรากฏว่าเป็นซากศพเน่าเปื่อย  ถูกมัดหลวมๆ กับพวงมาลัยเรือ  มีรอยแผลถูกแทงหลายแห่งและมีมีดเสียบตรงซี่โครง  ด้ามมีดสลักคำว่า  บุลลี  เบติส  แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร  ข่าวเลยเงียบหายไป

         วันที่ 1 มิถุนายน ปี 1881  เรือรบหลวงอังกฤษสังเกตเห็นเรือลำหนึ่งแล่นอย่างไร้จุดหมาย  บนเสากระโดงเรือนั้นมีแสงสว่างจ้านวลมาก  ซึ่งมันเป็นเรื่องผิดปกติ  และไม่มีใครอยู่บนเรือเลย  แทบจะหน้าตกใจว่าคนแจ้งคือเจ้าชายแห่งราชค์วงอังกฤษ  ต่อมาได้กลายเป็น  พระเจ้ายอร์จที่ 5 แห่งอังกฤษนั้นเอง

         เรือเมลาเนเซียน  เป็นเรือโดยสารระวางขับน้ำ 130 ตันแล่นไปรับผู้โดยสารระหว่างในหมู่เกาะซีเกียนา  แล้วก็หายไปตามระเบียบ  มีข่าวแจ้งมาว่าพบเรือดังกว่าในเขตน่านน้ำเกาะไซคีเสน  แต่พอไปตรวจก็ไม่เจอตามระเบียบเช่นกัน

         เรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นกันเรือคลีฟแลนด์
         ปี 1967  ศูนย์วิทยุภาคทะเลแห่งโตเกียว  ได้รับสัญญาณจาเรือคลีฟแลนด์ว่าเกิดเหตุไฟไหม้เรือ  ซึ่งลูกเรือกำลังช่วยกันดับอยู่  ต่อมาได้แจ้งไปอีกว่าเรือได้จมลงทะเล  ลูกเรือต่างพากันหนีเอาชีวิตรอด  มีการระดมพลค้นหาเรือลำนี้แต่ไม่เจอร่องรอย  เมื่อไม่เจอทางหน่วยรักษาความปลอดภัยภาคพื้นทะเลได้แจ้งกลับไปทาง  บริษัทคลีฟแลนด์  ทรานสปอตร์ตคอมพานี  เจ้าของเรือ  แต่น่าแปลกที่เขาได้ตอบปฏิเสธและบอกว่า  ขณะนั้นเรือคลีฟแลนด์จอดอยู่ท่าเรือบอมเบย์  แต่พอลองตรวจสอบกับท่าเรือบอมเบย์ก็ไม่มีเรือคลีฟ  แลนด์จอดอยู่แต่อย่างได้
         ทำไมเรือคลีฟ  แลนด์ถึงแจ้งว่าอยู่ที่ท่าเรือบอมเบย์ซึ่งเป็นจุดแรกที่เรือออกแล่นได้  ทั้งๆ ที่ตัวเรือล่มขณะอยู่ในน่านน้ำทางตะวันออกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น  ถ้าสมมุติว่าเรือคลีฟแลนด์จอดอยู่ท่าเรือบอมเบย์แล้วแล่นออกมาล่มในน่านน้ำญี่ปุ่นแสดงว่าเรือต้องแล่นเร็วอย่างน้อย 120 นอต หรือ 140 ไมล์ต่อชั่วโมงถ้าที่จริงแล่นได้เพียง 1 ต่อ 6 เท่านั้น
        
         เรือปีศาจโจยิตา
         เรือโจยิตา  เป็นเรือยอชต์หรูสร้างในปี 1931 เจ้าของเดิมคือผู้อำนวยการสร้างภาพยนต์ฮอลลี่วู้ด  ที่กำลังถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง  แต่อีตาเทลมา  ทอดด์ ดารามีชื่อคนเสียชีวิตอย่างลึกลับบนเรือดังกล่าว  การถ่ายทำจริงหยุดซะงักไป 
         หลังจากนั้นเรือลำนี้ถูกดัดแปลงไปไปเป็นเรือนานๆ ชนิดทั้งเรือลาดตะเวน  เรือประมง  จนมาถึงตาของ  โทมัส  เฮนรี  มิลเลอร์  เช่าไปทำธุรกิจประมงในปี 1953 แต่ไม่ราบรื่นนักเพราะประสบปัญหาทางการเงิน  เหมือนสวรรค์ทรงโปรดเมื่อนาย  อาร์ดี  เพียร์เลส  ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ไปเป็นเจ้าหน้าที่ประจำเกาะโตเกเลา  เขามีแนวคิดที่จะพัฒนาการคมนาคมไปยังเกาะของเขา  จึงเช่าโจยิตาเป็นรายปี  แต่ก็เปลี่ยนไปเช่าเรือจากบริษัทอื่นแทน  ที่นี้แหละนายมิลเลอร์เกิดทุกข์อย่างหนักเพราะไม่สามารถหาเงินมาจ่ายให้กับลูกจ้างได้  แม้แต่เงินที่จะซื้อข้าวกินเองยังไม่พอเลย  ไม่นานนายเพียร์เลสก็มาจ้างให้ขนส่งอาหารกับเวชภัณฑ์พร้อมกับตนเองและเจ้าหน้าที่  ตัวแทนจากบริษัทต่างๆ ร่วมไปด้วย
         2 ตุลาคม ปี 1955  เวลา 11.00 น. เรือโจยิตาเตรียมจะแล่น  แต่เกิดไฟไหม้ข้าลำเรือ   เครื่องยนต์หยุดทำงานกะทันหัน  กว่าจะแล่นก็ปาเข้าไปเที่ยงคืน  โดยสภาพในตอนนั้นมีเครื่องยนต์เพียงเครื่องเดียว  อีกฝากท่าเรือฟาเกาฟู  มีชาวเกาะชาวบ้านมายืนคอยตามนัดแต่ไม่มีเรือโจยิตาแล่นเข้าท่า  จนกระทั่งวันที่ 5 ได้รับแจ้งว่าเรือหายอย่างลึกลับ  วันที่ 6 เหล่าเจ้าหน้าที่ระดมคนออกหารวมพื่นที่กว่า 1 แสนตารางไมลล์  แต่ไร้วี่แวว
         วันที่ 10 ในเดือนเดียวปีเดียวกัน  ได้รับแจ้งจากเรือสินค้าตูวาลาแจ้งว่าพบเรือโจยิตาห่างจากเกาะซามัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้  ลำเรือจมถึงด่านฟ้า  พวงมาลัยหัก  ใบเรือสายระโยงระยางเรือพังยับ  ไม่พบผู้รอดชีวิต  แต่ที่น่าแปลกก็คือเสบียงและเชื้อเพลิงอยู่ในปริมาณที่เท่าๆ กับตอนออกเรือและเรือชูชีพที่มักจะเห็นผูกข้างๆ ลำเรือหายไป  พอลองติดตามหาผู้ที่อาจจะรอดชีวิตตามเกาะต่างๆ ก็ไม่เจอตามเคย 
         เรื่องแปลกเรื่องที่ 2 นั้นก็คือ  เรือเดจี  ที่ได้มีโอกาสติดตามเรือโจยิตาในน่านน้ำดังกล่าวด้วยเรดาร์รัศมี 20 ไมล์  แต่ไม่เจอทั้งๆ ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับเรือตูวาลาแจ้ง  เมื่อเจอซากเรือจนแน่ใจว่าเรือล่มแล้วก็มาถึงบนลงโทษตามกฎหมายไปตอนนี้ไม่ต้องไปสนใจเท่าไหร่เพราะมันอยู่ในขอบเข๖ของมนุษย์ที่จะควบคุมได้  ไม่นานก็มีคนมาประมูลเรือโจยิตาไปซ่อมแซม  ยกเครื่องใหม่  แล้วกลับมาแล่มทะเลอีกและก็ประสบกับความลึกลับเหมือยครั้งก่อน  ผู้คนจึงให้ความเห็นกันว่า  เรือโจยิตาคือเรือปีศาจที่คอบกลืนกินมนุษย์

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น