นอกจากเรือและเครื่องบินหายไปอย่างลึกลับแล้วในดินแดนสามเหลี่ยมมังกรปีศาจ สามเหลี่ยมเบอร์บิวดาและบริเวณใกล้เคียงยังมีการพบเรือที่หลายคนต่างลงความเห็นกันว่าเป็นเรือปีศาจที่ผลุบๆ โผล่ๆ หรือไม่ก็มีเหตุการณ์ประหลาดบนเรือลำนั้นด้วย ลองมาดูประวัติการพบเห็นของเรือปีศาจกันก่อนดีกว่า
ปี 1989 เรือล่าปลาวาฬลำใหญพบเรือใบประหลาดแล่นอย่างไร้จุดหมาย ลูกเรือสังเกตเห็นว่ามีคนถือพวงมาลัยอยู่ กัปตันโมริโอ ซาคากามิ พร้อมลูกเรือปีนขึ้นไปดูปรากฏว่าเป็นซากศพเน่าเปื่อย ถูกมัดหลวมๆ กับพวงมาลัยเรือ มีรอยแผลถูกแทงหลายแห่งและมีมีดเสียบตรงซี่โครง ด้ามมีดสลักคำว่า บุลลี เบติส แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ข่าวเลยเงียบหายไป
วันที่ 1 มิถุนายน ปี 1881 เรือรบหลวงอังกฤษสังเกตเห็นเรือลำหนึ่งแล่นอย่างไร้จุดหมาย บนเสากระโดงเรือนั้นมีแสงสว่างจ้านวลมาก ซึ่งมันเป็นเรื่องผิดปกติ และไม่มีใครอยู่บนเรือเลย แทบจะหน้าตกใจว่าคนแจ้งคือเจ้าชายแห่งราชค์วงอังกฤษ ต่อมาได้กลายเป็น พระเจ้ายอร์จที่ 5 แห่งอังกฤษนั้นเอง
เรือเมลาเนเซียน เป็นเรือโดยสารระวางขับน้ำ 130 ตันแล่นไปรับผู้โดยสารระหว่างในหมู่เกาะซีเกียนา แล้วก็หายไปตามระเบียบ มีข่าวแจ้งมาว่าพบเรือดังกว่าในเขตน่านน้ำเกาะไซคีเสน แต่พอไปตรวจก็ไม่เจอตามระเบียบเช่นกัน
เรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นกันเรือคลีฟแลนด์
ปี 1967 ศูนย์วิทยุภาคทะเลแห่งโตเกียว ได้รับสัญญาณจาเรือคลีฟแลนด์ว่าเกิดเหตุไฟไหม้เรือ ซึ่งลูกเรือกำลังช่วยกันดับอยู่ ต่อมาได้แจ้งไปอีกว่าเรือได้จมลงทะเล ลูกเรือต่างพากันหนีเอาชีวิตรอด มีการระดมพลค้นหาเรือลำนี้แต่ไม่เจอร่องรอย เมื่อไม่เจอทางหน่วยรักษาความปลอดภัยภาคพื้นทะเลได้แจ้งกลับไปทาง บริษัทคลีฟแลนด์ ทรานสปอตร์ตคอมพานี เจ้าของเรือ แต่น่าแปลกที่เขาได้ตอบปฏิเสธและบอกว่า ขณะนั้นเรือคลีฟแลนด์จอดอยู่ท่าเรือบอมเบย์ แต่พอลองตรวจสอบกับท่าเรือบอมเบย์ก็ไม่มีเรือคลีฟ แลนด์จอดอยู่แต่อย่างได้
ทำไมเรือคลีฟ แลนด์ถึงแจ้งว่าอยู่ที่ท่าเรือบอมเบย์ซึ่งเป็นจุดแรกที่เรือออกแล่นได้ ทั้งๆ ที่ตัวเรือล่มขณะอยู่ในน่านน้ำทางตะวันออกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น ถ้าสมมุติว่าเรือคลีฟแลนด์จอดอยู่ท่าเรือบอมเบย์แล้วแล่นออกมาล่มในน่านน้ำญี่ปุ่นแสดงว่าเรือต้องแล่นเร็วอย่างน้อย 120 นอต หรือ 140 ไมล์ต่อชั่วโมงถ้าที่จริงแล่นได้เพียง 1 ต่อ 6 เท่านั้น
เรือปีศาจโจยิตา
เรือโจยิตา เป็นเรือยอชต์หรูสร้างในปี 1931 เจ้าของเดิมคือผู้อำนวยการสร้างภาพยนต์ฮอลลี่วู้ด ที่กำลังถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง แต่อีตาเทลมา ทอดด์ ดารามีชื่อคนเสียชีวิตอย่างลึกลับบนเรือดังกล่าว การถ่ายทำจริงหยุดซะงักไป
หลังจากนั้นเรือลำนี้ถูกดัดแปลงไปไปเป็นเรือนานๆ ชนิดทั้งเรือลาดตะเวน เรือประมง จนมาถึงตาของ โทมัส เฮนรี มิลเลอร์ เช่าไปทำธุรกิจประมงในปี 1953 แต่ไม่ราบรื่นนักเพราะประสบปัญหาทางการเงิน เหมือนสวรรค์ทรงโปรดเมื่อนาย อาร์ดี เพียร์เลส ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ไปเป็นเจ้าหน้าที่ประจำเกาะโตเกเลา เขามีแนวคิดที่จะพัฒนาการคมนาคมไปยังเกาะของเขา จึงเช่าโจยิตาเป็นรายปี แต่ก็เปลี่ยนไปเช่าเรือจากบริษัทอื่นแทน ที่นี้แหละนายมิลเลอร์เกิดทุกข์อย่างหนักเพราะไม่สามารถหาเงินมาจ่ายให้กับลูกจ้างได้ แม้แต่เงินที่จะซื้อข้าวกินเองยังไม่พอเลย ไม่นานนายเพียร์เลสก็มาจ้างให้ขนส่งอาหารกับเวชภัณฑ์พร้อมกับตนเองและเจ้าหน้าที่ ตัวแทนจากบริษัทต่างๆ ร่วมไปด้วย
2 ตุลาคม ปี 1955 เวลา 11.00 น. เรือโจยิตาเตรียมจะแล่น แต่เกิดไฟไหม้ข้าลำเรือ เครื่องยนต์หยุดทำงานกะทันหัน กว่าจะแล่นก็ปาเข้าไปเที่ยงคืน โดยสภาพในตอนนั้นมีเครื่องยนต์เพียงเครื่องเดียว อีกฝากท่าเรือฟาเกาฟู มีชาวเกาะชาวบ้านมายืนคอยตามนัดแต่ไม่มีเรือโจยิตาแล่นเข้าท่า จนกระทั่งวันที่ 5 ได้รับแจ้งว่าเรือหายอย่างลึกลับ วันที่ 6 เหล่าเจ้าหน้าที่ระดมคนออกหารวมพื่นที่กว่า 1 แสนตารางไมลล์ แต่ไร้วี่แวว
วันที่ 10 ในเดือนเดียวปีเดียวกัน ได้รับแจ้งจากเรือสินค้าตูวาลาแจ้งว่าพบเรือโจยิตาห่างจากเกาะซามัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ลำเรือจมถึงด่านฟ้า พวงมาลัยหัก ใบเรือสายระโยงระยางเรือพังยับ ไม่พบผู้รอดชีวิต แต่ที่น่าแปลกก็คือเสบียงและเชื้อเพลิงอยู่ในปริมาณที่เท่าๆ กับตอนออกเรือและเรือชูชีพที่มักจะเห็นผูกข้างๆ ลำเรือหายไป พอลองติดตามหาผู้ที่อาจจะรอดชีวิตตามเกาะต่างๆ ก็ไม่เจอตามเคย
เรื่องแปลกเรื่องที่ 2 นั้นก็คือ เรือเดจี ที่ได้มีโอกาสติดตามเรือโจยิตาในน่านน้ำดังกล่าวด้วยเรดาร์รัศมี 20 ไมล์ แต่ไม่เจอทั้งๆ ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับเรือตูวาลาแจ้ง เมื่อเจอซากเรือจนแน่ใจว่าเรือล่มแล้วก็มาถึงบนลงโทษตามกฎหมายไปตอนนี้ไม่ต้องไปสนใจเท่าไหร่เพราะมันอยู่ในขอบเข๖ของมนุษย์ที่จะควบคุมได้ ไม่นานก็มีคนมาประมูลเรือโจยิตาไปซ่อมแซม ยกเครื่องใหม่ แล้วกลับมาแล่มทะเลอีกและก็ประสบกับความลึกลับเหมือยครั้งก่อน ผู้คนจึงให้ความเห็นกันว่า เรือโจยิตาคือเรือปีศาจที่คอบกลืนกินมนุษย์
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น