แอตแลนติส |
ครั้งนี้ขอนอกเรื่องออกมาหน่อย พักเรื่องเอเลี่ยนหรือมนุษย์ต่างดาวไว้ก่อน
เดี๋ยวสติจะแตกเสียก่อน !!
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าในสมัยโบราณทวีปหลายๆ ทวีปต่างมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง
! ไม่ลึกซึ้งธรรมดา แต่มันลึกซึ้งมากๆ จนอาจจะเป็นประเทศเดียวกันเลยก็ว่าได้ ทั้งๆ ที่อยู่ห่างกันคนละทวีป อะไรเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ ? การค้าขาย การเดินทาง
หรือพระเจ้าที่เขานับถือ !!
นักโบราณคดีเชื่อว่าดินแดนอเมริกากลางกับอียิปต์นั้นเคยติดกันมาก่อน เพราะมีวัฒนธรรมใกล้เคียงกันมาก หรือไม่ก็มีรากเง้ามาจากที่ๆ เดียวกัน แล้วยังจะมีดินแดนที่เจริญก่อนหน้าอียิปต์กับมายาชนเผ่าพื้นเมืองของอเมริกากลางที่มีชีวิตอยู่เมื่อหกพันปีก่อนอีกหรือ
?
มีครับ
ดินแดนแห่งนั้นคือ แอตแลนติส
อนุทวีปที่เจริญที่สุดในยุคนั้นปรากฏในบันทึกของเพลโต แต่เรามีข้อมูลของแอสแลนติสน้อยมากเนื่องจากว่ามันจมลงกลางทะเลมากว่า
12,000 ปีมาแล้ว
ข้าวของเครื่องใช้ก็พากันจมลงก้นทะเลกันหมดและที่สำคัญตำแหน่งที่ตั้งของแอสแลนติสอยู่บนรอยต่อของเปลือกโลกพอดิบพอดี
ทำให้การดำน้ำลงไปงมสิ่งของขึ้นมายากจนเป็นไปไม่ได้เพราะบริเวณนั้นมีกระแสน้ำที่รุนแรงและเหวใต้ทะเลที่พร้อมจะดึงคุณลงสู่ใต้เปลือกโลกได้ทุกเวลา ผมคิดว่าคงจะไม่มีโลกใต้พิภพให้คุณหล่นตุ้บ ! แล้วได้รับการช่วยเหลือหรอกนะ
ตำแหน่งที่คาดว่าน่าจะเป็นแอตแลนติส |
หลายๆ คนต่างพยายามหาเหตุผลต่างๆ
มายืนยันว่าแอสแลนติสมีอยู่จริงและชาวมายาเคยมีความสัมพันธ์กับแอสแลนติส แต่เหตุผลดันไปเป็นเรื่องพลังจิต นั่งญาณ
แบบเดียวกับมนุษย์ต่างดาวยังไงอย่างงั้น
นอกจะไม่มีใครเชื่อแล้วยังกลายเป็นเรื่องเหลวไหลไปด้วยซ้ำ ! ส่วนเหตุผลด้านอื่นๆ
มีแต่การผูกเรื่องคล้ายกับการแต่งนิยาย
ขาดทั้งหลักฐานและเหตุผล
หรือไม่ก็ไปหยิบข้อมูลเพียงกระพีเดียวมาสาธยายเสียยืดยาว และด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลผมเลยแสดงเหตุผลที่มีเหตุผล
(ยังไง ?)
เอาเป็นว่าไปอ่านย่อหน้าต่อไปเลยดีกว่า
ตำนานน้ำท่วมโลก
ตำนานนี้ไม่ได้มีแต่ในคัมภีร์ไบเบิลเท่านั้นแต่มันยังปรากฏในหลายๆ ท้องถิ่นทั้ง ยุโรป
ตะวันออกกลาง แอฟริกา อินเดีย
และชนพื้นเมืองเผ่าต่างๆ ของอเมริกา
ข้อมูลที่ปรากฏใน 5
ดินแดนที่มีหลักฐานว่าเคยเจริญรุ่งเรื่องในอดีต(และปัจจุบัน !)
ส่อเค้าว่าตำนานนี้ไม่ใช่นิยายเสียแล้ว
ส่วนเรื่องรายละเอียดเอาไว้จะเอามาลงให้ดู
ประเด็นอยู่ตรงที่ตำนานน้ำท่วมโลกอาจจะมาจากชาวบ้านที่รอดจากการล่มสลายของแอตแลนติสด้วยภัยพิบัติทางธรรมชาติเล่าจากรุ่นสู่รุ่นจนถึงปัจจุบัน สิ่งที่ยืนยันได้ดีที่สุดก็คือภาษาครับ
ภาษาของชาวพื้นเมืองหลายเผ่ามีความคล้ายคลึงกันมาก เชื่อไม่เชื่อลองอ่านย่อหน้าต่อไปและกัน
·
ภาษากรีกคำว่า
ทาลาสซา แปลว่า ทะเล
·
ภาษาชาวมายาคำว่า
ทาลแลก แปลว่า น้ำ
แม่น้ำ และของเหลว
·
ภาษาชาวแอ็สเต็กคำว่า
ทลาล็อก แปลว่า เทพเจ้าแห่งทะเล
นอกจากนั้นยังทีคำที่คล้ายๆ
เหมือนมาจากรากศัพท์เดียวกัน
·
คำว่า มานิตู ในภาษาอินเดียนแดง คล้ายกับคำว่า มานู
ในภาษาฮินดู ซึ่งแปลว่า วิญญาณอันยิ่งใหญ่
·
คำว่า ทีโอ ในภาษาขาวแอ็สเต็ก คล้ายกับคำว่า ทีออส
ในภาษากรีก ซึ่งแปลว่า เทพเจ้า
·
คำว่า อาร์กิ ในภาษาบาสค์
คล้ายกับคำว่า อริยกะ ในภาษาสันสกฤต ซึ่งมีความหมายเดียวกันในเชิงนามธรรมคือ ผู้ฉลาด
ผู้พบทางรุ่งโรจน์
·
คำว่า ทีเป็ก ในภาษาแอ็สเต็ก คล้ายกับคำว่า ทีเป
ในภาษาตุรกีสถาน(ปัจจุบันกลายเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย อีกส่วนหนึ่งเป็นของจีน) ซึ่งแปลว่า
ภูเขา
·
คำว่า มาลโก ในภาษาอินเดียนแดง คล้ายกับคำว่า มาลิก ในภาษาอาหรับและยังไปคล้ายกับคำว่า มีเล็ก
ในภาษาฮิบรู
ซึ่งทั้งหมดแปลว่า พระราชาผู้เป็นใหญ่
·
คำว่า โปตามอส ในภาษากรีก
คล้ายกับคำว่า โปโตแมก ในภาษาอินเดียนแดงในเดลาแวร์ และยังไปคล้ายกับคำว่า โปติ
ในภาษาอินเดียนแดงในบราซิล
·
คำว่า โอกา ในภาษาอินเดียนแดงเผ่ากัวรานิ คล้ายกับคำว่า ไอกา
ในภาษากรีกที่แปลว่า บ้าน
·
คำว่า อะมะ ในภาษาอินเดียนแดงเผ่ากัวรานิ หมายถึง
น้ำ คล้ายกับคำว่า อะเมะ
ในภาษาญี่ปุ่น หมายถึง
ฝน
·
คำว่า รูนา ในภาษาเดิมของพวกอินคา คล้ายกับคำว่า เริน
ในภาษาจีน วึ่งแปลว่า บุคคลหรือผู้ชาย
·
คำว่า แอนติ ในภาษาอียิปต์โบราณ หมายถึง
หุบเขาในที่สูง คล้ายกับคำว่า แอนดิ
ในภาษาเดิมของพวกอินคา
ที่หมายถึง แนวสันเขา
ภาษาของอินเดียนแดงในแถบอเมริกากลางออกเสียงคล้ายกับภาษาเวลส์ในอังกฤษมาก เช่น
เรือ
ในภาษาเวลส์อ่านว่า เคอร์วิก
ในภาษาอินเดียนแดงอ่านว่า คูริก
พาย
ในภาษาเวลส์อ่านว่า รีฟ
ในภาษาอินเดียนแดงอ่านว่า รี
เก่าหรือแก่ ในภาษาเวลส์อ่านว่า เฮน ในภาษาอินเดียนแดงอ่านว่า เฮอร์
สีกรมท่า ในภาษาเวลส์อ่านว่า แกลส
ในภาษาอินเดียนแดงอ่านว่า แกลส
ขนมปัง ในภาษาเวลส์อ่านว่า บาร์รา
ในภาษาอินเดียนแดงอ่านว่า บารา
นกกระทายู ในภาษาเวลส์อ่านว่า ชุกจาร์
ในภาษาอินเดียนแดงอ่านว่า ชุกา
ศีรษะ ในภาษาเวลส์อ่านว่า เพ็น
ในภาษาอินเดียนแดงอ่านว่า แพน
สำคัญ ในภาษาเวลส์อ่านว่า มอวส์
ในภาษาอินเดียบนแดงอ่านว่า มาฮ์
นี่ก็เป็นความแปลกทางอารยะธรรมชนพื้นเมืองที่อยู่ห่างไกลแต่ดันมีภาษาที่พยัญชนะและสระเหมือนกัน หลายๆ คนต่างอ้างว่า “ก็พวกเขาอาจจะมีการติดต่อสื่อสารหรือไม่ก็ไปมาหาสู่กัน ก็ต้องมีคำที่เหมือนหรือคล้ายกันบ้าง”
แต่อย่าลืมนะครับในอดีตการเดินทางไม่ได้สะดวกสบายเหมือนในปัจจุบันที่นั่งเครื่องบิน 4-5 ชั่วโมงก็ไปได้ครึ่งโลก
การเดินทางแค่หมู่บ้านต่อหมู่บ้านก็เดินกันเป็นวันๆ เผลอๆ
จะหลงทางกลางป่าซะด้วย แค่หาอาหารกินไปวันๆ
ก็ยากเต็มทีเพราะไม่มีอาหารแช่แข็งวางขายตามซุปเปอร์มาเก็ต ฉะนั้นคนในยุคนั้นเขาไม่เดินทางไกลๆ
กันเท่าไหร่ มันนานเป็นปีๆ กว่าจะได้กลับบ้าน (เผลอๆ จะไม่ได้กลับมาอีกเลย)
ถ้าแอสแลนติสมีจริงและยังอาณาบริเวณใหญ่ถึงขั้นเรียกว่า อนุทวีป
หรือทวีปขนาดเล็ก แล้วจู่ๆ
มันก็จมพรวนเดียวสู่ก้นทะเลเสียอย่างนั้น
มันเป็นไปได้หรือ? มีหลายคนไม่เชื่อเพราะว่าเราการเรียนการสอนในยุคปัจจุบันสอนไว้ว่า “แผ่นเปลือกโลกของเราขยับที่ละเล็กละน้อย กว่าจะเห็นผลก็ต้องเป็นหมื่นเป็นแสนปี” ประกอบกับความเชื่อที่ว่า “สิ่งที่อาจารย์พูดคือสิ่งที่ถูกต้อง” จนลืมไปว่าครูหรืออาจารย์ก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่มีวันผิดผลาดกันได้
!?!
ก็เลยไม่มีใครกล้าแสดงความคิดนอกกรอบ
อืม !
ฉะนั้นเลยไม่มีใครเชื่อว่าทวีปหนึ่งทวีปจะจมลงเพียงชั่วเวลาอันน้อยนิด ถ้าอยากต้องการหลักฐานที่มีน้ำหนักมากขึ้นก็ไม่มีปัญหา อ่านย่อหน้าต่อไปได้เลย !!
เทือกเขาแอสดิส สถานที่เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างของชนเผ่าต่างๆ
แต่นักวิชาการไม่เชื่อว่ามันจะสูงชะรูดมาแต่โบราณหรอกนะ
แต่มันพึ่งจะสูงขึ้นมาเมื่อหนึ่งหมื่นสองพันปีมานี้เอง ตรงกับยุคแอสแลนติสพอดี ! นอกจากนั้นบนยอดเขายังพบท่าเรือโบราณ ซากสัตว์ทะเล
ไหนจะตำนานกษัตริย์ที่ปกครองดินแดนแห่งนี้ ทำให้มันมีความเป็นไปได้ว่าในอดีตมันคือชายฝั่งทะเลของอเมริกาใต้
และเป็นได้ไหมว่ามันยกตัวสูงขึ้นในทันทีเพราะแอตแลนติสจมลงในทันใด
ปกติการจมลงและสูงขึ้นของแผ่นดินมักจะมาควบคู่กันเสมอคือ ถ้าฝั่งหนึ่งจมลง อีกฝั่งหนึ่งก็สูงขึ้น แต่มันจะเป็นตรงไหนก็เท่านั้นแหละ !?! แต่บางครั้งก็จมอย่างเดียวไม่มีโผล่
!?!
น้ำตกไนแกงการา |
อีกตัวอย่างหนึ่งครั้งนี้ไปที่หุบเขาไนแองการาที่เก่าแก่ถึง 12,500
ปี แล้วมันก็เช่นเดียวกับเทือกเขาแอสดิสไม่สูงมาแต่โบร่ำโบราณ แต่พึ่งสูงเมื่อหมื่นกว่าปีมานี้เอง พูดง่ายๆ ว่ามันสูงรวดเดียว 19,000 ฟุต
การที่อยู่ๆ ก็สูงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยนั้นก็เพราะว่าต้องมีส่วนใดส่วนหนึ่งของโลกจมลงอย่างฉับพลับ
ทั้งภาษาในดินแดนห่างไกลแต่คล้ายคลึงกัน ทฤษฎีการยกตัวสูงขึ้นจนกลายเป็นภูเขา ตำนานน้ำท่วมโลกที่มีอยู่ในทุกชนชาติ ไหนจะยังเรื่องทวีปขว้างกั้นไม่ให้กระแสน้ำอุ่นไหลขึ้นขั้วโลกเหนือในทะเลอาร์คติคอะไรนั้นที่ผมยังอ่านไม่เข้าใจอีก
!!
ลองคิดดูเองก็แล้วกันว่ามันชี้ไปในทางไหน ?
แต่ถ้ามันกลับกันล่ะ !
ภัยพิบัติที่ทำให้แอตแลนติสล่มสลายไม่ได้มาจากใต้โลก (การเคลื่อนตัวของลาวาใต้เปลือกโลกทำให้เกิดแผ่นดินไหว)
แต่มาจากบนฟ้า (อุกาบาต !!!)
……THE END……..
ข้อมูล จากหนังสือชื่อว่า "ตินแดตอาถรรพ์ สามเหลี่ยนมังกรปีศาจ" ชองชาล์ เบอร์ลิตซ์
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น