19 ก.ค. 2560

กำเนิดครุฑ - นาค

   เล่าครุฑมาพักใหญ่ๆ และมาถึงต้นกำเนิดของครุฑกับนาคกันบ้าง (เหมือนจะเล่าย้อนยังไงไม่รู้นะ) ตำนานกำเนิดครุฑมีหลายแบบขุนวิจิตรมาตราพบว่าคัทภีร์ปุราณะบางเล่นกล่าวว่าพระนารายณ์อวตารลงมาเป็นครุฑ  บางก็ว่าพระนารายณ์เป็นผู้สร้างครุฑ  เอาเป็นว่าครุฑกับพระนารายณ์แยกกันไม่ได้ก็แล้วกัน  แต่ตำนานที่ดังที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องที่ครุฑมีพ่อเดียวกับนาคแล้วก็กลายเป็นความขัดระหว่างเผ่าพันธุ์  เอาเป็นว่าไปอ่านตามสไตล์การเขียนของผมมั่งและกัน  เรื่องมีอยู่ว่า....

   พระทักษะเป็นมุนีที่มีบุตรมากที่สุดโอรสถึงพัน  ธิดาไม่ต่ำกว่า 60 นาง  ได้แจกจ่ายให้เทพต่างๆ คนที่เห็นจะโชคดีที่สุดก็คือพระกัศปะเพราะไปถึง 13 นาง  แต่ยกย่องชายาอยู่ 2 นางคือนางวินตากับนางกัทรุ  ซึ่งทั้งคู่สามารถขอพรได้่จากพระกัศปะได้    นางกัทรุขอให้มีลูกเป็นนาคถึงพันตัว (ไม่รู้ว่าเธอคิดยังไงถึงอยากมีลูกเป็นงูยักษ์แบบนั้นนะ) ส่วนนางวินตาก็ไม่อยากน้อยหน้าขอให้ตัวเองมีโอรสเก่งกล้า 2 องค์  แล้วก็ได้สมใจนางแต่มีปัญหาอยู่ตรงที่หลังจากที่ลูกของนางกัทรุฝักออกมาเป็นนาคพันตัว (แล้วทำไมถึงออกลูกเป็นไข่ได้หว่า??)  แต่ของนางวินตาไม่ยอมฝักสักที  คงจะด้วยอารมณ์กลัวน้อยหน้าเลยทุบไข่ดูสักฟอง 

 


   ผลออกมาไม่น่าอภิรมณ์นัก  จริงๆ ไม่ควรจะมีในความคิดด้วยซ้ำขอพรไปแล้วยังไงก็ได้ตามพรแน่  บุตรคนนี้ของเธอออกมามีร่างกายพิการช่วงล่างคือไม่มีขาจึงได้ชื่อว่า "อนอุรุ" แต่ด้วยเรียกเพี้ยนหรือยังไงไม่ทราบคนทั่วไปมักจะรู้จักในชื่อว่า "อรุณ" ที่หมายถึงช่วงเช้านั่นแหละ  หรือไม่ก็เพราะนายคนนี้มักจะมาพร้อมกับพระอาทิตย์ในยามเช้าก็ได้นะ  โดยมีเนื้อเรื่องแยกย่อยเกี่ยวกับอรุณหลังจากถูกบังคับให้ออกจากไข่ก่อนกำเนิดเลยโกรธแม่มากหนีไปเป็นสารถีให้กับระอาทิตย์  ไปไม่ไปเปล่ายังสาปแม่ตัวเองให้เป็นทาสนางกัทรุเป็นเวลา 500 ปี แล้วบุตรคนที่สองจะเป็นผู้ปลดปล่อย  สุดท้ายนางวินตาก็ซวยไปอยู่ๆ ก็กลายเป็นทาสซะอย่างนั้น  บทเรียนราคาแพงกลายเป็นประสบการณ์นางจึงอดใจรอไข่ฟักอย่างใจร้อน (??)  แล้วก็ครบกำหนดไข่ฟองฟักออกมารูปร่างสมบูรณ์  มีปากเป็นจะงอยปากแบบอินทรี  มีแขนเหมือนมนุษย์  ปีกสีแดงตัวสีทองหรือก็ครุฑนั่นเอง...



     เนื้อเรื่องส่วนที่นางวินตาเป็นทาสมีตำนานแยกไปอีกทางที่ไม่ใช่โดนอรุณสาปแต่เพราะแพ้ผนันทายสีของ "ม้าอุจไฉสรพะ" ผิดเลยกลายเป็นทาส  แต่ที่แพ้นี่แพ้เพราะเล่ห์กลของนางกัทรุนะ  คือนางกัทรุกลัวจะตกเป็นทาสเลยให้ลูกๆ นาคทั้งหลายแปลงเข้าแซรกเป็นขนม้าจากสีขาวเลยกลายเป็นสีดำ  แล้วจุดเปลี่ยนก็มาถึงเมื่อครุฑสงสัยว่าทำไมแม่และตัวเองถึงต้องเป็นทาสคอยรับใช้นาคกับนางกัทรุ  พอเค้นถามเข้านางวินตาก็เล่าเรื่องที่แพ้ผนันไป  ฝ่ายครุฑก็รู้ทางเลยไปถามนาคว่าจะทำไงถึงจะให้แม่ของตนพ้นจากความเป็นทาส (ถ้าไปถามตัวแม่คงไม่เรื่องแน่) นาคบอกว่าของน้ำอมฤตมาไถ่ตัวคืนไป  แล้วครุฑก็ออกตามหาน้ำอมฤต  ในเรื่อง "พระเป็นเจ้าของพราหมณ์" พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เล่าส่วนนี้เอาไว้ว่า  ถ้าครุฑไปเอาพระจันทร์ที่มีน้ำอมฤตเป็นบ่อมาให้แล้วจะปล่อยนางวินตาไป  แล้วพญาครุฑก็ไปเอามาได้จริงๆ   แต่ระหว่างทางพระอินทร์ได้เข้ามาขัดขวางเกิดก่ารต่อสู้  พระอินทร์สู้ไม่ได้ "วัชระ" หรือสายฟ้าที่ปราบใครมานักต่อนักก็หักสะบั้นลง  ร้อนถึงพระนารายณ์ต้องลงมาปราบแต่ก็ไม่อาจสู้พญาครุฑได้  ก็เลยผูกมิตรไปซะเลยโดยครุฑขอให้เวลาปกติอยู่สูงกว่าพระนารายณ์แต่เวลาเดินทางจะเป็นพาหนะให้พระนารายณ์



   แต่ทางพระอินทร์ยังห่วงน้ำอมฤตอยู่เลยขอน้ำอมฤตคืนแต่ครุฑก็บอกไปตามความจริงว่าจะเอาไปไถ่ตัวแม่ออกจากความทาสแต่ก็ไม่ได้ความว่าต้องให้นาคกิน  เลยบอกให้พระอินทร์ตามมาหลังจากวางลงให้นาคแล้วก็ให้พระอินทร์เก็บคืนไป  เมื่อครุฑนัดแนะแผนเรียนร้อยพระอินทร์เลยให้พรแก่ครุฑหนึ่งข้อ  ครัฑขอให้นาคเป็นอาหารของงครุฑได้  แล้วครุฑก็กินนาคเป็นอาหารตั้งแต่นั้นมา  กลับมาที่น้ำอมฤตหลังจากครุฑนำน้ำอมฤตมาวางบนหญ้าคาให้นาคแล้วก็ขอตัวนางวินตาคืน  พวกนาคก็ยินดีคืนให้แล้วเตรียมตัวดื่มน้ำอมฤตแต่ระหว่างนั้นพระอินทร์ก็มายกหม้อน้ำอมฤตคืนไป เป็นอันจบ.....

   สรปุนาคก็อดไปตามระเบียบ  ผมว่านะสำนวนที่ว่า "ลิ้น 2 แฉก" น่าเปลี่ยนเป็น "ปากมีจะงอย"  นะเพราะเรื่องนี้ครุฑเจ้าเล่ห์เอาเรื่องอยู่  บอกให้เอามาให้ก็เอามาให้จริงๆ แต่ไม่ได้ให้กินซักหน่อย  แล้วครุฑพระเอกของเรื่องนี้คือ "สุบรรณ" ที่เป็นครุฑตัวแรกของโลกนั้นแหละ  จริงๆ ยังมีเรื่องเล่าปลีกแยกย่อยอีกเยอะละเอียดมากน้อยแตกต่างกันไปแต่ตอนจบประมาณนี้แหละ


เครดิสภาพ

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น