เล่าครุฑมาพักใหญ่ๆ และมาถึงต้นกำเนิดของครุฑกับนาคกันบ้าง (เหมือนจะเล่าย้อนยังไงไม่รู้นะ) ตำนานกำเนิดครุฑมีหลายแบบขุนวิจิตรมาตราพบว่าคัทภีร์ปุราณะบางเล่นกล่าวว่าพระนารายณ์อวตารลงมาเป็นครุฑ บางก็ว่าพระนารายณ์เป็นผู้สร้างครุฑ เอาเป็นว่าครุฑกับพระนารายณ์แยกกันไม่ได้ก็แล้วกัน แต่ตำนานที่ดังที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องที่ครุฑมีพ่อเดียวกับนาคแล้วก็กลายเป็นความขัดระหว่างเผ่าพันธุ์ เอาเป็นว่าไปอ่านตามสไตล์การเขียนของผมมั่งและกัน เรื่องมีอยู่ว่า....
พระทักษะเป็นมุนีที่มีบุตรมากที่สุดโอรสถึงพัน ธิดาไม่ต่ำกว่า 60 นาง ได้แจกจ่ายให้เทพต่างๆ คนที่เห็นจะโชคดีที่สุดก็คือพระกัศปะเพราะไปถึง 13 นาง แต่ยกย่องชายาอยู่ 2 นางคือนางวินตากับนางกัทรุ ซึ่งทั้งคู่สามารถขอพรได้่จากพระกัศปะได้ นางกัทรุขอให้มีลูกเป็นนาคถึงพันตัว (ไม่รู้ว่าเธอคิดยังไงถึงอยากมีลูกเป็นงูยักษ์แบบนั้นนะ) ส่วนนางวินตาก็ไม่อยากน้อยหน้าขอให้ตัวเองมีโอรสเก่งกล้า 2 องค์ แล้วก็ได้สมใจนางแต่มีปัญหาอยู่ตรงที่หลังจากที่ลูกของนางกัทรุฝักออกมาเป็นนาคพันตัว (แล้วทำไมถึงออกลูกเป็นไข่ได้หว่า??) แต่ของนางวินตาไม่ยอมฝักสักที คงจะด้วยอารมณ์กลัวน้อยหน้าเลยทุบไข่ดูสักฟอง
ผลออกมาไม่น่าอภิรมณ์นัก จริงๆ ไม่ควรจะมีในความคิดด้วยซ้ำขอพรไปแล้วยังไงก็ได้ตามพรแน่ บุตรคนนี้ของเธอออกมามีร่างกายพิการช่วงล่างคือไม่มีขาจึงได้ชื่อว่า "อนอุรุ" แต่ด้วยเรียกเพี้ยนหรือยังไงไม่ทราบคนทั่วไปมักจะรู้จักในชื่อว่า "อรุณ" ที่หมายถึงช่วงเช้านั่นแหละ หรือไม่ก็เพราะนายคนนี้มักจะมาพร้อมกับพระอาทิตย์ในยามเช้าก็ได้นะ โดยมีเนื้อเรื่องแยกย่อยเกี่ยวกับอรุณหลังจากถูกบังคับให้ออกจากไข่ก่อนกำเนิดเลยโกรธแม่มากหนีไปเป็นสารถีให้กับระอาทิตย์ ไปไม่ไปเปล่ายังสาปแม่ตัวเองให้เป็นทาสนางกัทรุเป็นเวลา 500 ปี แล้วบุตรคนที่สองจะเป็นผู้ปลดปล่อย สุดท้ายนางวินตาก็ซวยไปอยู่ๆ ก็กลายเป็นทาสซะอย่างนั้น บทเรียนราคาแพงกลายเป็นประสบการณ์นางจึงอดใจรอไข่ฟักอย่างใจร้อน (??) แล้วก็ครบกำหนดไข่ฟองฟักออกมารูปร่างสมบูรณ์ มีปากเป็นจะงอยปากแบบอินทรี มีแขนเหมือนมนุษย์ ปีกสีแดงตัวสีทองหรือก็ครุฑนั่นเอง...
เนื้อเรื่องส่วนที่นางวินตาเป็นทาสมีตำนานแยกไปอีกทางที่ไม่ใช่โดนอรุณสาปแต่เพราะแพ้ผนันทายสีของ "ม้าอุจไฉสรพะ" ผิดเลยกลายเป็นทาส แต่ที่แพ้นี่แพ้เพราะเล่ห์กลของนางกัทรุนะ คือนางกัทรุกลัวจะตกเป็นทาสเลยให้ลูกๆ นาคทั้งหลายแปลงเข้าแซรกเป็นขนม้าจากสีขาวเลยกลายเป็นสีดำ แล้วจุดเปลี่ยนก็มาถึงเมื่อครุฑสงสัยว่าทำไมแม่และตัวเองถึงต้องเป็นทาสคอยรับใช้นาคกับนางกัทรุ พอเค้นถามเข้านางวินตาก็เล่าเรื่องที่แพ้ผนันไป ฝ่ายครุฑก็รู้ทางเลยไปถามนาคว่าจะทำไงถึงจะให้แม่ของตนพ้นจากความเป็นทาส (ถ้าไปถามตัวแม่คงไม่เรื่องแน่) นาคบอกว่าของน้ำอมฤตมาไถ่ตัวคืนไป แล้วครุฑก็ออกตามหาน้ำอมฤต ในเรื่อง "พระเป็นเจ้าของพราหมณ์" พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เล่าส่วนนี้เอาไว้ว่า ถ้าครุฑไปเอาพระจันทร์ที่มีน้ำอมฤตเป็นบ่อมาให้แล้วจะปล่อยนางวินตาไป แล้วพญาครุฑก็ไปเอามาได้จริงๆ แต่ระหว่างทางพระอินทร์ได้เข้ามาขัดขวางเกิดก่ารต่อสู้ พระอินทร์สู้ไม่ได้ "วัชระ" หรือสายฟ้าที่ปราบใครมานักต่อนักก็หักสะบั้นลง ร้อนถึงพระนารายณ์ต้องลงมาปราบแต่ก็ไม่อาจสู้พญาครุฑได้ ก็เลยผูกมิตรไปซะเลยโดยครุฑขอให้เวลาปกติอยู่สูงกว่าพระนารายณ์แต่เวลาเดินทางจะเป็นพาหนะให้พระนารายณ์
แต่ทางพระอินทร์ยังห่วงน้ำอมฤตอยู่เลยขอน้ำอมฤตคืนแต่ครุฑก็บอกไปตามความจริงว่าจะเอาไปไถ่ตัวแม่ออกจากความทาสแต่ก็ไม่ได้ความว่าต้องให้นาคกิน เลยบอกให้พระอินทร์ตามมาหลังจากวางลงให้นาคแล้วก็ให้พระอินทร์เก็บคืนไป เมื่อครุฑนัดแนะแผนเรียนร้อยพระอินทร์เลยให้พรแก่ครุฑหนึ่งข้อ ครัฑขอให้นาคเป็นอาหารของงครุฑได้ แล้วครุฑก็กินนาคเป็นอาหารตั้งแต่นั้นมา กลับมาที่น้ำอมฤตหลังจากครุฑนำน้ำอมฤตมาวางบนหญ้าคาให้นาคแล้วก็ขอตัวนางวินตาคืน พวกนาคก็ยินดีคืนให้แล้วเตรียมตัวดื่มน้ำอมฤตแต่ระหว่างนั้นพระอินทร์ก็มายกหม้อน้ำอมฤตคืนไป เป็นอันจบ.....
สรปุนาคก็อดไปตามระเบียบ ผมว่านะสำนวนที่ว่า "ลิ้น 2 แฉก" น่าเปลี่ยนเป็น "ปากมีจะงอย" นะเพราะเรื่องนี้ครุฑเจ้าเล่ห์เอาเรื่องอยู่ บอกให้เอามาให้ก็เอามาให้จริงๆ แต่ไม่ได้ให้กินซักหน่อย แล้วครุฑพระเอกของเรื่องนี้คือ "สุบรรณ" ที่เป็นครุฑตัวแรกของโลกนั้นแหละ จริงๆ ยังมีเรื่องเล่าปลีกแยกย่อยอีกเยอะละเอียดมากน้อยแตกต่างกันไปแต่ตอนจบประมาณนี้แหละ
พระทักษะเป็นมุนีที่มีบุตรมากที่สุดโอรสถึงพัน ธิดาไม่ต่ำกว่า 60 นาง ได้แจกจ่ายให้เทพต่างๆ คนที่เห็นจะโชคดีที่สุดก็คือพระกัศปะเพราะไปถึง 13 นาง แต่ยกย่องชายาอยู่ 2 นางคือนางวินตากับนางกัทรุ ซึ่งทั้งคู่สามารถขอพรได้่จากพระกัศปะได้ นางกัทรุขอให้มีลูกเป็นนาคถึงพันตัว (ไม่รู้ว่าเธอคิดยังไงถึงอยากมีลูกเป็นงูยักษ์แบบนั้นนะ) ส่วนนางวินตาก็ไม่อยากน้อยหน้าขอให้ตัวเองมีโอรสเก่งกล้า 2 องค์ แล้วก็ได้สมใจนางแต่มีปัญหาอยู่ตรงที่หลังจากที่ลูกของนางกัทรุฝักออกมาเป็นนาคพันตัว (แล้วทำไมถึงออกลูกเป็นไข่ได้หว่า??) แต่ของนางวินตาไม่ยอมฝักสักที คงจะด้วยอารมณ์กลัวน้อยหน้าเลยทุบไข่ดูสักฟอง
ผลออกมาไม่น่าอภิรมณ์นัก จริงๆ ไม่ควรจะมีในความคิดด้วยซ้ำขอพรไปแล้วยังไงก็ได้ตามพรแน่ บุตรคนนี้ของเธอออกมามีร่างกายพิการช่วงล่างคือไม่มีขาจึงได้ชื่อว่า "อนอุรุ" แต่ด้วยเรียกเพี้ยนหรือยังไงไม่ทราบคนทั่วไปมักจะรู้จักในชื่อว่า "อรุณ" ที่หมายถึงช่วงเช้านั่นแหละ หรือไม่ก็เพราะนายคนนี้มักจะมาพร้อมกับพระอาทิตย์ในยามเช้าก็ได้นะ โดยมีเนื้อเรื่องแยกย่อยเกี่ยวกับอรุณหลังจากถูกบังคับให้ออกจากไข่ก่อนกำเนิดเลยโกรธแม่มากหนีไปเป็นสารถีให้กับระอาทิตย์ ไปไม่ไปเปล่ายังสาปแม่ตัวเองให้เป็นทาสนางกัทรุเป็นเวลา 500 ปี แล้วบุตรคนที่สองจะเป็นผู้ปลดปล่อย สุดท้ายนางวินตาก็ซวยไปอยู่ๆ ก็กลายเป็นทาสซะอย่างนั้น บทเรียนราคาแพงกลายเป็นประสบการณ์นางจึงอดใจรอไข่ฟักอย่างใจร้อน (??) แล้วก็ครบกำหนดไข่ฟองฟักออกมารูปร่างสมบูรณ์ มีปากเป็นจะงอยปากแบบอินทรี มีแขนเหมือนมนุษย์ ปีกสีแดงตัวสีทองหรือก็ครุฑนั่นเอง...
เนื้อเรื่องส่วนที่นางวินตาเป็นทาสมีตำนานแยกไปอีกทางที่ไม่ใช่โดนอรุณสาปแต่เพราะแพ้ผนันทายสีของ "ม้าอุจไฉสรพะ" ผิดเลยกลายเป็นทาส แต่ที่แพ้นี่แพ้เพราะเล่ห์กลของนางกัทรุนะ คือนางกัทรุกลัวจะตกเป็นทาสเลยให้ลูกๆ นาคทั้งหลายแปลงเข้าแซรกเป็นขนม้าจากสีขาวเลยกลายเป็นสีดำ แล้วจุดเปลี่ยนก็มาถึงเมื่อครุฑสงสัยว่าทำไมแม่และตัวเองถึงต้องเป็นทาสคอยรับใช้นาคกับนางกัทรุ พอเค้นถามเข้านางวินตาก็เล่าเรื่องที่แพ้ผนันไป ฝ่ายครุฑก็รู้ทางเลยไปถามนาคว่าจะทำไงถึงจะให้แม่ของตนพ้นจากความเป็นทาส (ถ้าไปถามตัวแม่คงไม่เรื่องแน่) นาคบอกว่าของน้ำอมฤตมาไถ่ตัวคืนไป แล้วครุฑก็ออกตามหาน้ำอมฤต ในเรื่อง "พระเป็นเจ้าของพราหมณ์" พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เล่าส่วนนี้เอาไว้ว่า ถ้าครุฑไปเอาพระจันทร์ที่มีน้ำอมฤตเป็นบ่อมาให้แล้วจะปล่อยนางวินตาไป แล้วพญาครุฑก็ไปเอามาได้จริงๆ แต่ระหว่างทางพระอินทร์ได้เข้ามาขัดขวางเกิดก่ารต่อสู้ พระอินทร์สู้ไม่ได้ "วัชระ" หรือสายฟ้าที่ปราบใครมานักต่อนักก็หักสะบั้นลง ร้อนถึงพระนารายณ์ต้องลงมาปราบแต่ก็ไม่อาจสู้พญาครุฑได้ ก็เลยผูกมิตรไปซะเลยโดยครุฑขอให้เวลาปกติอยู่สูงกว่าพระนารายณ์แต่เวลาเดินทางจะเป็นพาหนะให้พระนารายณ์
แต่ทางพระอินทร์ยังห่วงน้ำอมฤตอยู่เลยขอน้ำอมฤตคืนแต่ครุฑก็บอกไปตามความจริงว่าจะเอาไปไถ่ตัวแม่ออกจากความทาสแต่ก็ไม่ได้ความว่าต้องให้นาคกิน เลยบอกให้พระอินทร์ตามมาหลังจากวางลงให้นาคแล้วก็ให้พระอินทร์เก็บคืนไป เมื่อครุฑนัดแนะแผนเรียนร้อยพระอินทร์เลยให้พรแก่ครุฑหนึ่งข้อ ครัฑขอให้นาคเป็นอาหารของงครุฑได้ แล้วครุฑก็กินนาคเป็นอาหารตั้งแต่นั้นมา กลับมาที่น้ำอมฤตหลังจากครุฑนำน้ำอมฤตมาวางบนหญ้าคาให้นาคแล้วก็ขอตัวนางวินตาคืน พวกนาคก็ยินดีคืนให้แล้วเตรียมตัวดื่มน้ำอมฤตแต่ระหว่างนั้นพระอินทร์ก็มายกหม้อน้ำอมฤตคืนไป เป็นอันจบ.....
สรปุนาคก็อดไปตามระเบียบ ผมว่านะสำนวนที่ว่า "ลิ้น 2 แฉก" น่าเปลี่ยนเป็น "ปากมีจะงอย" นะเพราะเรื่องนี้ครุฑเจ้าเล่ห์เอาเรื่องอยู่ บอกให้เอามาให้ก็เอามาให้จริงๆ แต่ไม่ได้ให้กินซักหน่อย แล้วครุฑพระเอกของเรื่องนี้คือ "สุบรรณ" ที่เป็นครุฑตัวแรกของโลกนั้นแหละ จริงๆ ยังมีเรื่องเล่าปลีกแยกย่อยอีกเยอะละเอียดมากน้อยแตกต่างกันไปแต่ตอนจบประมาณนี้แหละ
เครดิสภาพ
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น