14 ก.ย. 2554

การปรากฏตัวของจานผี

ส่วนหนึ่งของภาพที่ลือกันว่าเป็นการสู้รบระหว่างมนุษย์โลกกับมนุษย์ต่างดาว
         จานผี UFO  หรือจานบิน  หลายคนคงคุ้นชื่อนี้กันดี  ว่ากันว่ามันเป็นยานพาหนะของมนุษย์ต่างดาวหรือสิ่งมีชีวิตที่มีอารยะธรรมเหมือนมนุษย์แต่อยู่ที่ดาวดวงอื่น  มีหลายคนยืนยันว่าเคยพบเห็นกับตาตัวเองนอกจากนั้นยังมีรูปถ่ายที่บอกว่ามันคือยูเอฟโอและร่วมถึงภาพถ่ายมนุษย์ต่างดาวออกมาเต็มไปหมดทั้งจริงและไม่จริง   แต่นั้นไม่ใช่ประเด็นของบทความนี้  เพราะเรายังอยู่ในเรื่องดินแดนอาถรรพณ์สามเหลี่ยมมังกรปีศาจที่เป็นฝาแฝดของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา

ยานลึกลับที่ตกในกัมพูชาใกล้ๆ บ้านเราเอง!!!!

         ข้อมูลเกี่ยวกับยูเอฟโอทั้งหมดถูกหน่วยงานต่างๆ ทั้งรัฐบาลในหลายๆ ประเทศ  หน่วยงานเอกชน  สมาคม  รวมถึงกลุ่มคนที่ชื่นชอบพากันจดบันทึกและวิเคราะห์ออกมา  แต่ต่างคนต่างหาเหตุผลในแบบของตนก็เลยทำให้มีทฤษฎีออกมาร้อยแปดพันประการ  ต่างๆ ฝ่ายต่างๆ ยืนยันว่าหลักฐานของตัวเองถูกต้อง  หลักฐานของคนอื่นผิด ! ทำไปทำมามันเลยกลายเป็นเรื่องเหลวไหลในสายตาของนักวิชาการต่างๆ  นอกจากนั้นยังมีพวกคลั่งยูเอฟโอที่ไม่อิงวิชาการแต่ดันไปเชื่อพิธีกรรม  เจ้าเข้าทรง  พลังจิต  ยิ่งทำให้คนที่ชื่นชอบและหลงใหลจานบินที่อ้างอิงวิชาและเหตุผลดูเป็นเป็นพวกบ้าไปกับเขาด้วย

ภาพสเก็ตสิ่งมีชีวิตประหลาดถูกตั้งชื่อว่า  ปีศาจโเวอร์  เพราะพบที่เมืองโดเวอร์

         นั้นก็เพราะเหตุผลของเรื่องพลังจิตที่ติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวและพิธีกรรมเชิญมนุษย์ต่างดาว  ในยุคนี้มันยังเปราะบางมาก  ถึงแม้จะเป็นจริงตามที่เขากล่าวอ้างแต่ก็ไม่มีเครื่องไม้เครื่องอะไรพิสูจน์มาว่าติดต่อจริงๆ  มนุษย์ต่างดาวก็ไม่ลงมาให้เห็นกันจะจะ !!  ลองคิดดูซิครับว่าถ้าผมบอกคุณว่า  ผมสามารถใช้พลังจิตสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวได้  แล้วคุณจะเอาอะไรมาพิสูจน์ว่าผมพูดจริง  สามารถติดต่อมนุษย์ต่างดาวได้จริง !! ครับ   มันเปราะบางมากสำหรับเหตุผลแบบนี้  ไม่ว่าใครๆ ก็ออกมาพูดแบบนั้นได้เพราะถึงยังไงก็ไม่มีอะไรมาพิสูจน์ได้อยู่แล้ว  นอกเสียจากว่ามนุษย์ต่างดาวตัวนั้นลงมาจากยานในขณะที่มีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกแล้วพูดว่า  เราติดต่อกับคนๆ นั้น เท่านั้นแหละ

         ด้วยส่วนตัวผมเองคิดว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริงแต่ไม่เชื่อว่าบรรดาภาพถ่ายต่างๆ นั้นเป็นของจริง  เป็นไปไม่ได้หรอกครับมีจักวาลที่กว้างใหญ่หาที่สิ้นสุดไม่ได้  มีแค่โลกใบเดียวที่มีสิ่งมีชีวิต  แค่กาแล็คซีทางช้างเผือกเท่าที่นักดาราศาสตร์คำนวนจำนวนสุริยะไว้ก็ประมาณพันล้านสุริยะแล้ว  แล้วไม่คิดว่าจะมี 1 ในพันล้านนั้นมีสิ่งมีชีวิตบ้างหรือ 
         กล่าวถึงเรื่องมนุษย์ต่างดาวมาเยอะพอสมควรแล้ว  ลองมาดูเหตุการณ์ที่พวกเขาเหล่ายืนยันว่าได้พบเจอจานบินของมนุษย์ต่างดาว

ภาพส่วนหนึ่งจากวีดีโอที่ว่ากันว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว


         ย้อนไปในยุคโจมอนซึ่งเป็นญี่ปุ่นในยุคแรกๆ   ราวๆ 3000 พันปีก่อนคริตกาล  ยุคนั้นชาวญี่ปุ่นมีการติดต่อกับชาวโปนีเนเชียน  ชนพื้นเมืองเก่าแก่เผ่าหนึ่ง  ตรงนี้ไม่ต้องสนใจเพราะประเด้ยนอยู่ที่  รูปปั้นดินเหนียวรูปคน  ตอนกลางของยุคได้เปลี่ยนให้มีขนาดใหญ่ขึ้น  รูปปั้นมนุษย์นั้นมีลักษณะ  หน้าอกใหญ่  ขาโก่ง  แขนสั้นศีรษะใหญ่และสวมหมวกทรงประหลาดคล้ายมนุษย์ต่าวดาวที่มีคนให้รายละเอียดไว้  บางตัวคล้ายใส่หน้ากากสำหรับหายใจ  บางตัวอายุเก่าแก่ถึงสี่หมื่นสามพันปีก่อนคริตกาล 
         เป็นไปได้ไหมว่ารูปปั้นเหล่านั้นเป็นแบบจำลองของมนุษยต่างดาวที่พวกเขาพบเจอ !!

ภาพ   ET. จากภาพยนต์เรื่อง  เพื่อนรักจากต่างดาว

         เอกสารบันทึกเก่าของญี่ปุ่นบันทึกว่า  คืนวันที่ 27 ตุลาคม  ปี 1180   พบยานประหลาดมีแสงในตัวเอง  รูปร่างคล้ายใส้กรอก  บินผ่านท้องฟ้าไป  ปี 1235  มีบันทึกไว้ว่าทหารในค่ายนายพลโยริตซูเมเห็นแสงประหลาด  เคลื่อนที่เป็นวงกลมบนท้องฟ้า  ในยุคนั้นสรุปว่าลมมันพัดดวงดาวเลยแกว่งไกว่

         ปี 1361  มีรายงานการพบเห็นวัตถุลึกลับคล้ายกลองโผล่ขึ้นจากน้ำ  หลายคนบอกว่ามันคล้ายพระจันทร์แต่สว่างกว่าลอยไป  ชาวเมืองเกียวโตมักมีรายงานว่าพบเห็นลูกไฟลอยลำบนท้องฟ้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว  บางครั้งคล้ายกับกงล้อไฟหมุนเป็นทางยาว

         ปี 1944  และ ปี  1945  (เริ่มเข้ามาในยุคปัจจุบันและ)  มีรายงานของนักบินประจำเครื่องบินรบระหว่างเส้นทางบินไปทางญี่ปุ่น  ขณะบินอยู่เหนือเกาะทรัก  เห็นกลุ่นดวงไฟสีส้มและสีแดง  บินตามไปเป็นระยะ  คล้ายๆ กับที่เครื่องบินรบที่บินอยู่เหนือเยอรมันนีที่มีลูกไฟสีส้ม  สีแดงและสีขาวลอยตามไปเป็นระยะเช่นกัน

         จากหนังสือ  “UFO  AND  THE  LIMIT  OF  SCIENCE”  ของ โรแนลด์  ดี.  เขียนไว้ว่า  วันที่  26 ละ 27 มิถุนายน ปี 1959  พยาน 38 คนบนสถานีเบียไนบนฝั่งปาปัวนิวกินี  ยืนยันว่าเห็นจานบินบนท้องฟ้า  ลำแรกใหญ่มาก  ส่วนลำที่สองเล็กรองลงมา  และยังเปลี่ยนสีรูปร่างได้เร็วมาก  จากนั้นไม่นานจานบิน 3 ลำนั้นกลับมาอีกครั้ง  แต่ครั้งนี้บาทหลวงกิลล์  สตีเวน  จี.  มอย  และอีริก  แลงฟอร์ด  เป็น 3 คนในหมดที่เห็นบอกว้าครั้งนี้เห็นมนึษย์ประหลาดกำลังเดินทำอะไรบางอย่าง  บาทหลวงจึงโบกมือทักทาย  แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้ท่านเปิดไฟฉายส่องไป  มนุษย์ประหลาดนั้นรีบกลับเข้าไปในยานและยานก็
ลับห่ายไปในกลีบเมฆ

ภาพสลักหินของ  วิมานะ  ยานพาหนะที่พามนุษย์บินขึ้นท้องฟ้า  จะว่าไปมันก็เหมือนจานบินอยู่เหมือนกัน

         รายต่อมามีคนบันทึกภาพจานบินบริเวณเส้นทางระหว่างเวลลิงตันกับไคคูรา  ในขณะเดียวกันก็ปรากฏบนจอเรดาร์ของกองทัพอากาศนิวซีแลนด์  ทางกองทัพถึงกับส่งเครื่องบินรบสกายฮอว์กบินตาม    ต่อมาในปี 1981  วันที่ 21 ธันวาคม  ลูเรือของเครื่องบินลำเลียงสินค้าของบริษัทเซฟ-แอร์กำจัด  ขณะบินเลีบชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของนิวซีแลนด์  ซึ่งมีนาย  จอห์น บี. แรนเดิล  เป็นนักบินประจำเครื่อง  นายนักบินคนนั้นบอกว่าเห็นแสงสีขาวนวลบนท้องฟ้าหลายลำ  และบนจอเรดาห์ของศูนย์ควบคุมจราจรการบินทางอากาศของเวลลิงตันก็ยืนยันว่า  เห็นจานบิน 5 ลำปรากฏบนท้องฟ้าเช่นกัน

         อีก 3 ชั่วโมงต่อมา  เครื่องบินของบริษัทเซฟ แอร์  อีกลำหนึ่งที่บินในเส้นทางเดียวกัน  ขณะบินไปได้ไม่นาน  ศูนย์ควบคุมการจราจรการบินฯ ของเวลลิงตัน  ขอร้องให้บินกลับมาตรวจดูสิ่งแปลกปลอมที่บนปรากฏบนจอเรดาห์  พอเครื่องที่ว่าบินกลับมาดูยังไม่ทันถึง  กัปตันเวิร์น  แอล.เอ. เพาเวลล์และนักบินผู้ช่วยมองเห็นแสงประหลาดเคลื่อนผ่านอย่างรวดเร็ว  ซึ่งความเร็วที่วัดได้บนจอเรดาห์ประมาณ  20  กม. ต่อ 5 วินาที  หรือประมาณ  10,800  ไมล์ต่อชั่วโมง

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น