ส่วนหนึ่งของภาพที่ลือกันว่าเป็นการสู้รบระหว่างมนุษย์โลกกับมนุษย์ต่างดาว |
จานผี UFO หรือจานบิน หลายคนคงคุ้นชื่อนี้กันดี ว่ากันว่ามันเป็นยานพาหนะของมนุษย์ต่างดาวหรือสิ่งมีชีวิตที่มีอารยะธรรมเหมือนมนุษย์แต่อยู่ที่ดาวดวงอื่น มีหลายคนยืนยันว่าเคยพบเห็นกับตาตัวเองนอกจากนั้นยังมีรูปถ่ายที่บอกว่ามันคือยูเอฟโอและร่วมถึงภาพถ่ายมนุษย์ต่างดาวออกมาเต็มไปหมดทั้งจริงและไม่จริง แต่นั้นไม่ใช่ประเด็นของบทความนี้ เพราะเรายังอยู่ในเรื่องดินแดนอาถรรพณ์สามเหลี่ยมมังกรปีศาจที่เป็นฝาแฝดของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา
ยานลึกลับที่ตกในกัมพูชาใกล้ๆ บ้านเราเอง!!!! |
ข้อมูลเกี่ยวกับยูเอฟโอทั้งหมดถูกหน่วยงานต่างๆ ทั้งรัฐบาลในหลายๆ ประเทศ หน่วยงานเอกชน สมาคม รวมถึงกลุ่มคนที่ชื่นชอบพากันจดบันทึกและวิเคราะห์ออกมา แต่ต่างคนต่างหาเหตุผลในแบบของตนก็เลยทำให้มีทฤษฎีออกมาร้อยแปดพันประการ ต่างๆ ฝ่ายต่างๆ ยืนยันว่าหลักฐานของตัวเองถูกต้อง หลักฐานของคนอื่นผิด ! ทำไปทำมามันเลยกลายเป็นเรื่องเหลวไหลในสายตาของนักวิชาการต่างๆ นอกจากนั้นยังมีพวกคลั่งยูเอฟโอที่ไม่อิงวิชาการแต่ดันไปเชื่อพิธีกรรม เจ้าเข้าทรง พลังจิต ยิ่งทำให้คนที่ชื่นชอบและหลงใหลจานบินที่อ้างอิงวิชาและเหตุผลดูเป็นเป็นพวกบ้าไปกับเขาด้วย
ภาพสเก็ตสิ่งมีชีวิตประหลาดถูกตั้งชื่อว่า ปีศาจโเวอร์ เพราะพบที่เมืองโดเวอร์ |
นั้นก็เพราะเหตุผลของเรื่องพลังจิตที่ติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวและพิธีกรรมเชิญมนุษย์ต่างดาว ในยุคนี้มันยังเปราะบางมาก ถึงแม้จะเป็นจริงตามที่เขากล่าวอ้างแต่ก็ไม่มีเครื่องไม้เครื่องอะไรพิสูจน์มาว่าติดต่อจริงๆ มนุษย์ต่างดาวก็ไม่ลงมาให้เห็นกันจะจะ !! ลองคิดดูซิครับว่าถ้าผมบอกคุณว่า “ผมสามารถใช้พลังจิตสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวได้” แล้วคุณจะเอาอะไรมาพิสูจน์ว่าผมพูดจริง สามารถติดต่อมนุษย์ต่างดาวได้จริง !! ครับ มันเปราะบางมากสำหรับเหตุผลแบบนี้ ไม่ว่าใครๆ ก็ออกมาพูดแบบนั้นได้เพราะถึงยังไงก็ไม่มีอะไรมาพิสูจน์ได้อยู่แล้ว นอกเสียจากว่ามนุษย์ต่างดาวตัวนั้นลงมาจากยานในขณะที่มีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกแล้วพูดว่า “เราติดต่อกับคนๆ นั้น” เท่านั้นแหละ
ด้วยส่วนตัวผมเองคิดว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริงแต่ไม่เชื่อว่าบรรดาภาพถ่ายต่างๆ นั้นเป็นของจริง เป็นไปไม่ได้หรอกครับมีจักวาลที่กว้างใหญ่หาที่สิ้นสุดไม่ได้ มีแค่โลกใบเดียวที่มีสิ่งมีชีวิต แค่กาแล็คซีทางช้างเผือกเท่าที่นักดาราศาสตร์คำนวนจำนวนสุริยะไว้ก็ประมาณพันล้านสุริยะแล้ว แล้วไม่คิดว่าจะมี 1 ในพันล้านนั้นมีสิ่งมีชีวิตบ้างหรือ
กล่าวถึงเรื่องมนุษย์ต่างดาวมาเยอะพอสมควรแล้ว ลองมาดูเหตุการณ์ที่พวกเขาเหล่ายืนยันว่าได้พบเจอจานบินของมนุษย์ต่างดาว
ภาพส่วนหนึ่งจากวีดีโอที่ว่ากันว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว |
ย้อนไปในยุคโจมอนซึ่งเป็นญี่ปุ่นในยุคแรกๆ ราวๆ 3000 พันปีก่อนคริตกาล ยุคนั้นชาวญี่ปุ่นมีการติดต่อกับชาวโปนีเนเชียน ชนพื้นเมืองเก่าแก่เผ่าหนึ่ง ตรงนี้ไม่ต้องสนใจเพราะประเด้ยนอยู่ที่ รูปปั้นดินเหนียวรูปคน ตอนกลางของยุคได้เปลี่ยนให้มีขนาดใหญ่ขึ้น รูปปั้นมนุษย์นั้นมีลักษณะ หน้าอกใหญ่ ขาโก่ง แขนสั้นศีรษะใหญ่และสวมหมวกทรงประหลาดคล้ายมนุษย์ต่าวดาวที่มีคนให้รายละเอียดไว้ บางตัวคล้ายใส่หน้ากากสำหรับหายใจ บางตัวอายุเก่าแก่ถึงสี่หมื่นสามพันปีก่อนคริตกาล
เป็นไปได้ไหมว่ารูปปั้นเหล่านั้นเป็นแบบจำลองของมนุษยต่างดาวที่พวกเขาพบเจอ !!
ภาพ ET. จากภาพยนต์เรื่อง เพื่อนรักจากต่างดาว |
เอกสารบันทึกเก่าของญี่ปุ่นบันทึกว่า คืนวันที่ 27 ตุลาคม ปี 1180 พบยานประหลาดมีแสงในตัวเอง รูปร่างคล้ายใส้กรอก บินผ่านท้องฟ้าไป ปี 1235 มีบันทึกไว้ว่าทหารในค่ายนายพลโยริตซูเมเห็นแสงประหลาด เคลื่อนที่เป็นวงกลมบนท้องฟ้า ในยุคนั้นสรุปว่าลมมันพัดดวงดาวเลยแกว่งไกว่
ปี 1361 มีรายงานการพบเห็นวัตถุลึกลับคล้ายกลองโผล่ขึ้นจากน้ำ หลายคนบอกว่ามันคล้ายพระจันทร์แต่สว่างกว่าลอยไป ชาวเมืองเกียวโตมักมีรายงานว่าพบเห็นลูกไฟลอยลำบนท้องฟ้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว บางครั้งคล้ายกับกงล้อไฟหมุนเป็นทางยาว
ปี 1944 และ ปี 1945 (เริ่มเข้ามาในยุคปัจจุบันและ) มีรายงานของนักบินประจำเครื่องบินรบระหว่างเส้นทางบินไปทางญี่ปุ่น ขณะบินอยู่เหนือเกาะทรัก เห็นกลุ่นดวงไฟสีส้มและสีแดง บินตามไปเป็นระยะ คล้ายๆ กับที่เครื่องบินรบที่บินอยู่เหนือเยอรมันนีที่มีลูกไฟสีส้ม สีแดงและสีขาวลอยตามไปเป็นระยะเช่นกัน
จากหนังสือ “UFO AND THE LIMIT OF SCIENCE” ของ โรแนลด์ ดี. เขียนไว้ว่า วันที่ 26 ละ 27 มิถุนายน ปี 1959 พยาน 38 คนบนสถานีเบียไนบนฝั่งปาปัวนิวกินี ยืนยันว่าเห็นจานบินบนท้องฟ้า ลำแรกใหญ่มาก ส่วนลำที่สองเล็กรองลงมา และยังเปลี่ยนสีรูปร่างได้เร็วมาก จากนั้นไม่นานจานบิน 3 ลำนั้นกลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้บาทหลวงกิลล์ สตีเวน จี. มอย และอีริก แลงฟอร์ด เป็น 3 คนในหมดที่เห็นบอกว้าครั้งนี้เห็นมนึษย์ประหลาดกำลังเดินทำอะไรบางอย่าง บาทหลวงจึงโบกมือทักทาย แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้ท่านเปิดไฟฉายส่องไป มนุษย์ประหลาดนั้นรีบกลับเข้าไปในยานและยานก็
ลับห่ายไปในกลีบเมฆ
ภาพสลักหินของ วิมานะ ยานพาหนะที่พามนุษย์บินขึ้นท้องฟ้า จะว่าไปมันก็เหมือนจานบินอยู่เหมือนกัน |
รายต่อมามีคนบันทึกภาพจานบินบริเวณเส้นทางระหว่างเวลลิงตันกับไคคูรา ในขณะเดียวกันก็ปรากฏบนจอเรดาร์ของกองทัพอากาศนิวซีแลนด์ ทางกองทัพถึงกับส่งเครื่องบินรบสกายฮอว์กบินตาม ต่อมาในปี 1981 วันที่ 21 ธันวาคม ลูเรือของเครื่องบินลำเลียงสินค้าของบริษัทเซฟ-แอร์กำจัด ขณะบินเลีบชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของนิวซีแลนด์ ซึ่งมีนาย จอห์น บี. แรนเดิล เป็นนักบินประจำเครื่อง นายนักบินคนนั้นบอกว่าเห็นแสงสีขาวนวลบนท้องฟ้าหลายลำ และบนจอเรดาห์ของศูนย์ควบคุมจราจรการบินทางอากาศของเวลลิงตันก็ยืนยันว่า เห็นจานบิน 5 ลำปรากฏบนท้องฟ้าเช่นกัน
อีก 3 ชั่วโมงต่อมา เครื่องบินของบริษัทเซฟ – แอร์ อีกลำหนึ่งที่บินในเส้นทางเดียวกัน ขณะบินไปได้ไม่นาน ศูนย์ควบคุมการจราจรการบินฯ ของเวลลิงตัน ขอร้องให้บินกลับมาตรวจดูสิ่งแปลกปลอมที่บนปรากฏบนจอเรดาห์ พอเครื่องที่ว่าบินกลับมาดูยังไม่ทันถึง กัปตันเวิร์น แอล.เอ. เพาเวลล์และนักบินผู้ช่วยมองเห็นแสงประหลาดเคลื่อนผ่านอย่างรวดเร็ว ซึ่งความเร็วที่วัดได้บนจอเรดาห์ประมาณ 20 กม. ต่อ 5 วินาที หรือประมาณ 10,800 ไมล์ต่อชั่วโมง
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น