ตำนานอีกบทหนึ่งของครุฑเชื่อว่าคงไม่มีใครได้ยินกันมากนักเพราะมันเป็นตำนานของมลายูหรือปัจจุบันก็คือแถวๆ ภาคใต้ไปถึงมาลาเซียนั่นแหละ (นึกไม่ถึงว่าแถบนั้นจะมีเรื่องครุฑด้วย) เรื่องนี้คัดมาจากเรื่องพญาครุฑจากตำนานเมืองไทรบุรีและเมืองปัตตานี ฉบับหลวงคุรุนิติไพศาล จะแปลกพิสดารพันลึกแบบไหนไปอ่านกันเลยแหละกัน
เรื่องมีอยู่ว่า...ที่เกาะแห่งหนึ่งชื่อว่า "ลังกาบุรี" เดิมเป็นที่อยู่ของพวกยักษ์หลังจากที่พระรามปราบยักษ์สำเร็จ (อ้าวมีของอินเดียมาร่วมด้วย!!) เกาะนี้ก็ร้าง แล้วครุฑตนหนึ่งที่เคยช่วยปราบยักษ์ก็มาสร้างชุมชนนกอาศัยบนเกาะนี้ มีบริวารเป็นนกมากมายก็อยู่กันอย่างปกติ และแล้วจุดเริ่มต้นของเรื่องก็เกิดขึ้นเมื่อนกอินทรีตัวหนึ่งมาแจ้งข่าวการอภิเษกสมรสของโอรสพระเจ้ากรุงโรมกับพระราชธิดากรุงจีน ขณะที่กำลังเตรียมถ่ายเวดดิ้ง..เอ้ย..ไม่ใช่ๆๆ ขณะที่เตรียมตัวเดินทางจากโรมไปกรุงจีน เมื่อครุฑรู้เรื่องก็โกธรเป็นอย่างมาก (อย่าถามว่าโกธรเรื่องอะไรเพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน??)
แต่ก่อนที่จะออกไปอาละวาดตามบทได้ไปเข้าเฝ้าพระเจ้าอัลละฮ์ สุไลมันแล้วกล่าวทูลว่า "ข้าขอคัดค้านการแต่งของทั้งคู่เนื่องจากไม่มีความเหมาะสมกันอย่างมาก และไม่ว่ายังไงข้าของเสนอให้นำเรื่องเข้าสู่สภาเพื่อฟังเสียงส่วนใหญ่"
พระเจ้าอัลละฮ์ สุไลมันฟังแล้วก็ตรัสตอบว่า "นี่มันงานแต่งอย่าโหนการเมือง แล้วมันเป็นพรหมลิลิตใครก็ขวางไม่ได้"
ฝ่ายครุฑยังไม่แพ้ได้ทูลต่อว่า "ข้าคิดว่ามีกำลังมากพอที่จะขัดขวางทั้งคู่ได้ และขอสัญญาว่าถ้าไม่สำเร็จจะขอเนรเทศตัวเองให้พ้นจากสายตามนุยษ์ไปตลอกกาลและไม่ขอนิรโทษกรรมแน่นอน" พูดจบก็กางบินไปทางกรุงจีน
ครั้นถึงกรุงจีนพญาครุฑได้จับตัวพระราชธิดาและพระสนมขณะประพาสอุทยานมาไว้ที่เกาะลังกาบุรี แล้วต่อด้วยการบินไปที่กรุงโรมหมายจะพังกระบวนเรือเจ้าบ่าวเสียให้สิ้น เมื่อไปถึงก็เรือของพระเจ้ากรุงโรมได้เดิทางมาถึงปากน้ำจักกงแล้ว เมื่อเห็นดังนั้นก็บรรดาลพายุฝนฟ้าคนองพัดเข้ากองเรือ ฝ่ายราชามารงมหาวังสาทอดพระเนตรเห็นพญาครุฑก็ทรงแผลงศรแต่ไม่โดน ส่วนไพร่พลต่างก็พยายามระดมยิงด้วยปืนนานาชนิดราวกับห่าฝน แต่พญาครุฑก็หาได้เกรงกลัวยังบินโฉบไปมาสร้างลมสร้างคลื่นจนกองเรือระส่ำระส่าย ราชามารงมหาวังสาเห็นดังนั้นจึงแผลงศรเกิดภูเขาขึ้นมากั้นพายุได้สำเร็จ แต่เรือก็จมไป 3 ลำ
วันรุ่งขึ้นกองเรือได้เดินทางต่อไปถึงปากแม่น้ำตาไวหรือทวาย พญาครุฑได้บินโฉบคาบเรือหนึ่งลำ ใช้เท้าจับเรืออีกข้างละลำบินขึ้นไปบนอากาศแล้วขยี้จนเรือแหลกกลางอากาศ พวกที่เหลือก็พยายามยิงพญาครุฑแต่ไม่อาจระคายผิวได้
แล้วพญาครุฑก็พยายามไล่จมเรือของพระเจ้ากรุงโรมไปตลอดทางจนเรือจมหมดทุกลำไม่มีใครรอดชีวิต ถึงบินกลับเกาะลังกาบุรี แต่หารู้ไม่ว่าก่อนหน้านั้นราชโอรสได้กดอัลติสกิลพระเอกทันเวลาจึงสามารถเกาะไม้กระดานแผ่นหนึ่งแล้วลอยโต้คลื่นโต้ลมอยู่หลายวัน และแล้วก็หมดแรงโดนคลื่นซัดมาเกยที่หาดของเกาะลังกาบุรี ก็เกาะเดียวกับที่อยู่ของครุฑตัวนั้นแหละ ขณะนั้นพญาครุฑออกไปหากินพอดีและก็พอดีอีกเช่นกันที่พระราชธิดากับพระสนมออกมาเดินเล่นที่ชายหาดได้ยินเสียงร้องไห้ของราชโอรสจึงเข้าไปถามถึงสาเหตุ พระองค์ก็ทรงเล่าความจริงไป เมื่อได้ฟังนั้นจึงนำตัวไปซ่อนบนเกาะและดูแลรักษาอย่างดีจนหายเป็นปกติดี และเมื่อไรที่พญาครุฑไม่อยู่ก็ถึงฉากเลิฟซีนคู่พระคู่นางเป็นซะทุกครั้งไป
วันหนึ่งพระเจ้าอัลละ สุไลมันทรงเรียกพญาครุฑไปถามไถ่ถึงสิ่งที่สาบานไว้ ฝ่ายพญาครุฑที่มั่นใจเป็นหนักหนาว่าตัวได้จมเรือและทุกคนจมน้ำตายไปหมดแล้วจึงทูลไปว่า "ข้าได้ทำลายกองขันหมากไปหมดสิ้นแล้วและข้าไม่ขอพูดอะไรมากไปกว่านี้เพราะคำพูดของข้าอาจเป็นใช้เป็นคำให้การในชั้นศาล" พระเจ้าอัลละฮ์ทรงตอบว่า "งั้นก็ดูให้เต็มตาซะ" ว่าแล้วก็ทรงสั่งให้พญาปีศาจ ฮารมัน ชาห์ นำพลปีศาจร้อยตนไปพาตัวราชโอสรกับราชธิดาและพระสนมมายืนยันตัวตนตรงหน้า ทำให้พญาครุฑจำนนต่อหลักฐานและกล่าวทูลลาไปตามสัญญา หลังจากนั้นจึงไม่มีใครได้พบเห็นพญาครุฑอีกเลยย!!
จบแล้วสำหรับตำนานครุฑสไตล์มลายูมีหลาหลายชาติทั้งโรม จีน อินเดีย แถมมีพระเจ้าอัลละฮ์เข้าเอี่ยวด้วย อ่านไปอ่านมาก็แปลกดีเหมือนกัน แต่ที่แปลกที่สุดของเรื่องนี้คือพระโอรสกับพระธิดาชื่ออะไร?? ลืมตั้งชื่อตัวพระตัวนางหรือไง??
ภาพจากเรื่องปักษาวายุ |
เรื่องมีอยู่ว่า...ที่เกาะแห่งหนึ่งชื่อว่า "ลังกาบุรี" เดิมเป็นที่อยู่ของพวกยักษ์หลังจากที่พระรามปราบยักษ์สำเร็จ (อ้าวมีของอินเดียมาร่วมด้วย!!) เกาะนี้ก็ร้าง แล้วครุฑตนหนึ่งที่เคยช่วยปราบยักษ์ก็มาสร้างชุมชนนกอาศัยบนเกาะนี้ มีบริวารเป็นนกมากมายก็อยู่กันอย่างปกติ และแล้วจุดเริ่มต้นของเรื่องก็เกิดขึ้นเมื่อนกอินทรีตัวหนึ่งมาแจ้งข่าวการอภิเษกสมรสของโอรสพระเจ้ากรุงโรมกับพระราชธิดากรุงจีน ขณะที่กำลังเตรียมถ่ายเวดดิ้ง..เอ้ย..ไม่ใช่ๆๆ ขณะที่เตรียมตัวเดินทางจากโรมไปกรุงจีน เมื่อครุฑรู้เรื่องก็โกธรเป็นอย่างมาก (อย่าถามว่าโกธรเรื่องอะไรเพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน??)
แต่ก่อนที่จะออกไปอาละวาดตามบทได้ไปเข้าเฝ้าพระเจ้าอัลละฮ์ สุไลมันแล้วกล่าวทูลว่า "ข้าขอคัดค้านการแต่งของทั้งคู่เนื่องจากไม่มีความเหมาะสมกันอย่างมาก และไม่ว่ายังไงข้าของเสนอให้นำเรื่องเข้าสู่สภาเพื่อฟังเสียงส่วนใหญ่"
พระเจ้าอัลละฮ์ สุไลมันฟังแล้วก็ตรัสตอบว่า "นี่มันงานแต่งอย่าโหนการเมือง แล้วมันเป็นพรหมลิลิตใครก็ขวางไม่ได้"
ฝ่ายครุฑยังไม่แพ้ได้ทูลต่อว่า "ข้าคิดว่ามีกำลังมากพอที่จะขัดขวางทั้งคู่ได้ และขอสัญญาว่าถ้าไม่สำเร็จจะขอเนรเทศตัวเองให้พ้นจากสายตามนุยษ์ไปตลอกกาลและไม่ขอนิรโทษกรรมแน่นอน" พูดจบก็กางบินไปทางกรุงจีน
ครั้นถึงกรุงจีนพญาครุฑได้จับตัวพระราชธิดาและพระสนมขณะประพาสอุทยานมาไว้ที่เกาะลังกาบุรี แล้วต่อด้วยการบินไปที่กรุงโรมหมายจะพังกระบวนเรือเจ้าบ่าวเสียให้สิ้น เมื่อไปถึงก็เรือของพระเจ้ากรุงโรมได้เดิทางมาถึงปากน้ำจักกงแล้ว เมื่อเห็นดังนั้นก็บรรดาลพายุฝนฟ้าคนองพัดเข้ากองเรือ ฝ่ายราชามารงมหาวังสาทอดพระเนตรเห็นพญาครุฑก็ทรงแผลงศรแต่ไม่โดน ส่วนไพร่พลต่างก็พยายามระดมยิงด้วยปืนนานาชนิดราวกับห่าฝน แต่พญาครุฑก็หาได้เกรงกลัวยังบินโฉบไปมาสร้างลมสร้างคลื่นจนกองเรือระส่ำระส่าย ราชามารงมหาวังสาเห็นดังนั้นจึงแผลงศรเกิดภูเขาขึ้นมากั้นพายุได้สำเร็จ แต่เรือก็จมไป 3 ลำ
วันรุ่งขึ้นกองเรือได้เดินทางต่อไปถึงปากแม่น้ำตาไวหรือทวาย พญาครุฑได้บินโฉบคาบเรือหนึ่งลำ ใช้เท้าจับเรืออีกข้างละลำบินขึ้นไปบนอากาศแล้วขยี้จนเรือแหลกกลางอากาศ พวกที่เหลือก็พยายามยิงพญาครุฑแต่ไม่อาจระคายผิวได้
แล้วพญาครุฑก็พยายามไล่จมเรือของพระเจ้ากรุงโรมไปตลอดทางจนเรือจมหมดทุกลำไม่มีใครรอดชีวิต ถึงบินกลับเกาะลังกาบุรี แต่หารู้ไม่ว่าก่อนหน้านั้นราชโอรสได้กดอัลติสกิลพระเอกทันเวลาจึงสามารถเกาะไม้กระดานแผ่นหนึ่งแล้วลอยโต้คลื่นโต้ลมอยู่หลายวัน และแล้วก็หมดแรงโดนคลื่นซัดมาเกยที่หาดของเกาะลังกาบุรี ก็เกาะเดียวกับที่อยู่ของครุฑตัวนั้นแหละ ขณะนั้นพญาครุฑออกไปหากินพอดีและก็พอดีอีกเช่นกันที่พระราชธิดากับพระสนมออกมาเดินเล่นที่ชายหาดได้ยินเสียงร้องไห้ของราชโอรสจึงเข้าไปถามถึงสาเหตุ พระองค์ก็ทรงเล่าความจริงไป เมื่อได้ฟังนั้นจึงนำตัวไปซ่อนบนเกาะและดูแลรักษาอย่างดีจนหายเป็นปกติดี และเมื่อไรที่พญาครุฑไม่อยู่ก็ถึงฉากเลิฟซีนคู่พระคู่นางเป็นซะทุกครั้งไป
วันหนึ่งพระเจ้าอัลละ สุไลมันทรงเรียกพญาครุฑไปถามไถ่ถึงสิ่งที่สาบานไว้ ฝ่ายพญาครุฑที่มั่นใจเป็นหนักหนาว่าตัวได้จมเรือและทุกคนจมน้ำตายไปหมดแล้วจึงทูลไปว่า "ข้าได้ทำลายกองขันหมากไปหมดสิ้นแล้วและข้าไม่ขอพูดอะไรมากไปกว่านี้เพราะคำพูดของข้าอาจเป็นใช้เป็นคำให้การในชั้นศาล" พระเจ้าอัลละฮ์ทรงตอบว่า "งั้นก็ดูให้เต็มตาซะ" ว่าแล้วก็ทรงสั่งให้พญาปีศาจ ฮารมัน ชาห์ นำพลปีศาจร้อยตนไปพาตัวราชโอสรกับราชธิดาและพระสนมมายืนยันตัวตนตรงหน้า ทำให้พญาครุฑจำนนต่อหลักฐานและกล่าวทูลลาไปตามสัญญา หลังจากนั้นจึงไม่มีใครได้พบเห็นพญาครุฑอีกเลยย!!
จบแล้วสำหรับตำนานครุฑสไตล์มลายูมีหลาหลายชาติทั้งโรม จีน อินเดีย แถมมีพระเจ้าอัลละฮ์เข้าเอี่ยวด้วย อ่านไปอ่านมาก็แปลกดีเหมือนกัน แต่ที่แปลกที่สุดของเรื่องนี้คือพระโอรสกับพระธิดาชื่ออะไร?? ลืมตั้งชื่อตัวพระตัวนางหรือไง??
เครดิสภาพ
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น