11 ก.ค. 2560

ตำนานครุฑสไตล์มลายู

   ตำนานอีกบทหนึ่งของครุฑเชื่อว่าคงไม่มีใครได้ยินกันมากนักเพราะมันเป็นตำนานของมลายูหรือปัจจุบันก็คือแถวๆ ภาคใต้ไปถึงมาลาเซียนั่นแหละ (นึกไม่ถึงว่าแถบนั้นจะมีเรื่องครุฑด้วย)  เรื่องนี้คัดมาจากเรื่องพญาครุฑจากตำนานเมืองไทรบุรีและเมืองปัตตานี  ฉบับหลวงคุรุนิติไพศาล จะแปลกพิสดารพันลึกแบบไหนไปอ่านกันเลยแหละกัน

   
ภาพจากเรื่องปักษาวายุ

   เรื่องมีอยู่ว่า...ที่เกาะแห่งหนึ่งชื่อว่า "ลังกาบุรี" เดิมเป็นที่อยู่ของพวกยักษ์หลังจากที่พระรามปราบยักษ์สำเร็จ (อ้าวมีของอินเดียมาร่วมด้วย!!) เกาะนี้ก็ร้าง  แล้วครุฑตนหนึ่งที่เคยช่วยปราบยักษ์ก็มาสร้างชุมชนนกอาศัยบนเกาะนี้  มีบริวารเป็นนกมากมายก็อยู่กันอย่างปกติ  และแล้วจุดเริ่มต้นของเรื่องก็เกิดขึ้นเมื่อนกอินทรีตัวหนึ่งมาแจ้งข่าวการอภิเษกสมรสของโอรสพระเจ้ากรุงโรมกับพระราชธิดากรุงจีน  ขณะที่กำลังเตรียมถ่ายเวดดิ้ง..เอ้ย..ไม่ใช่ๆๆ  ขณะที่เตรียมตัวเดินทางจากโรมไปกรุงจีน  เมื่อครุฑรู้เรื่องก็โกธรเป็นอย่างมาก (อย่าถามว่าโกธรเรื่องอะไรเพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน??) 
   แต่ก่อนที่จะออกไปอาละวาดตามบทได้ไปเข้าเฝ้าพระเจ้าอัลละฮ์ สุไลมันแล้วกล่าวทูลว่า  "ข้าขอคัดค้านการแต่งของทั้งคู่เนื่องจากไม่มีความเหมาะสมกันอย่างมาก  และไม่ว่ายังไงข้าของเสนอให้นำเรื่องเข้าสู่สภาเพื่อฟังเสียงส่วนใหญ่" 
   พระเจ้าอัลละฮ์ สุไลมันฟังแล้วก็ตรัสตอบว่า "นี่มันงานแต่งอย่าโหนการเมือง  แล้วมันเป็นพรหมลิลิตใครก็ขวางไม่ได้" 
   ฝ่ายครุฑยังไม่แพ้ได้ทูลต่อว่า "ข้าคิดว่ามีกำลังมากพอที่จะขัดขวางทั้งคู่ได้  และขอสัญญาว่าถ้าไม่สำเร็จจะขอเนรเทศตัวเองให้พ้นจากสายตามนุยษ์ไปตลอกกาลและไม่ขอนิรโทษกรรมแน่นอน"  พูดจบก็กางบินไปทางกรุงจีน


 
   ครั้นถึงกรุงจีนพญาครุฑได้จับตัวพระราชธิดาและพระสนมขณะประพาสอุทยานมาไว้ที่เกาะลังกาบุรี  แล้วต่อด้วยการบินไปที่กรุงโรมหมายจะพังกระบวนเรือเจ้าบ่าวเสียให้สิ้น  เมื่อไปถึงก็เรือของพระเจ้ากรุงโรมได้เดิทางมาถึงปากน้ำจักกงแล้ว  เมื่อเห็นดังนั้นก็บรรดาลพายุฝนฟ้าคนองพัดเข้ากองเรือ  ฝ่ายราชามารงมหาวังสาทอดพระเนตรเห็นพญาครุฑก็ทรงแผลงศรแต่ไม่โดน  ส่วนไพร่พลต่างก็พยายามระดมยิงด้วยปืนนานาชนิดราวกับห่าฝน  แต่พญาครุฑก็หาได้เกรงกลัวยังบินโฉบไปมาสร้างลมสร้างคลื่นจนกองเรือระส่ำระส่าย  ราชามารงมหาวังสาเห็นดังนั้นจึงแผลงศรเกิดภูเขาขึ้นมากั้นพายุได้สำเร็จ  แต่เรือก็จมไป 3 ลำ
  
   วันรุ่งขึ้นกองเรือได้เดินทางต่อไปถึงปากแม่น้ำตาไวหรือทวาย  พญาครุฑได้บินโฉบคาบเรือหนึ่งลำ  ใช้เท้าจับเรืออีกข้างละลำบินขึ้นไปบนอากาศแล้วขยี้จนเรือแหลกกลางอากาศ  พวกที่เหลือก็พยายามยิงพญาครุฑแต่ไม่อาจระคายผิวได้
   แล้วพญาครุฑก็พยายามไล่จมเรือของพระเจ้ากรุงโรมไปตลอดทางจนเรือจมหมดทุกลำไม่มีใครรอดชีวิต  ถึงบินกลับเกาะลังกาบุรี  แต่หารู้ไม่ว่าก่อนหน้านั้นราชโอรสได้กดอัลติสกิลพระเอกทันเวลาจึงสามารถเกาะไม้กระดานแผ่นหนึ่งแล้วลอยโต้คลื่นโต้ลมอยู่หลายวัน     และแล้วก็หมดแรงโดนคลื่นซัดมาเกยที่หาดของเกาะลังกาบุรี  ก็เกาะเดียวกับที่อยู่ของครุฑตัวนั้นแหละ  ขณะนั้นพญาครุฑออกไปหากินพอดีและก็พอดีอีกเช่นกันที่พระราชธิดากับพระสนมออกมาเดินเล่นที่ชายหาดได้ยินเสียงร้องไห้ของราชโอรสจึงเข้าไปถามถึงสาเหตุ  พระองค์ก็ทรงเล่าความจริงไป  เมื่อได้ฟังนั้นจึงนำตัวไปซ่อนบนเกาะและดูแลรักษาอย่างดีจนหายเป็นปกติดี  และเมื่อไรที่พญาครุฑไม่อยู่ก็ถึงฉากเลิฟซีนคู่พระคู่นางเป็นซะทุกครั้งไป


  
   วันหนึ่งพระเจ้าอัลละ  สุไลมันทรงเรียกพญาครุฑไปถามไถ่ถึงสิ่งที่สาบานไว้  ฝ่ายพญาครุฑที่มั่นใจเป็นหนักหนาว่าตัวได้จมเรือและทุกคนจมน้ำตายไปหมดแล้วจึงทูลไปว่า "ข้าได้ทำลายกองขันหมากไปหมดสิ้นแล้วและข้าไม่ขอพูดอะไรมากไปกว่านี้เพราะคำพูดของข้าอาจเป็นใช้เป็นคำให้การในชั้นศาล"   พระเจ้าอัลละฮ์ทรงตอบว่า "งั้นก็ดูให้เต็มตาซะ" ว่าแล้วก็ทรงสั่งให้พญาปีศาจ  ฮารมัน ชาห์  นำพลปีศาจร้อยตนไปพาตัวราชโอสรกับราชธิดาและพระสนมมายืนยันตัวตนตรงหน้า  ทำให้พญาครุฑจำนนต่อหลักฐานและกล่าวทูลลาไปตามสัญญา หลังจากนั้นจึงไม่มีใครได้พบเห็นพญาครุฑอีกเลยย!!
  
   จบแล้วสำหรับตำนานครุฑสไตล์มลายูมีหลาหลายชาติทั้งโรม  จีน  อินเดีย  แถมมีพระเจ้าอัลละฮ์เข้าเอี่ยวด้วย อ่านไปอ่านมาก็แปลกดีเหมือนกัน แต่ที่แปลกที่สุดของเรื่องนี้คือพระโอรสกับพระธิดาชื่ออะไร??  ลืมตั้งชื่อตัวพระตัวนางหรือไง??

 เครดิสภาพ

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น