27 พ.ย. 2554

กะโหลกพระเจ้า

         จั่วหัวซะตื่นเต้นเลย !!   แต่ก็ไม่ผิดเท่าไรนักหรอกครับ   เพราะว่าปี  1999  ลล์อย  พาย   ผู้ที่จบการศึกษาด้านจิตวิทยาแต่หันมาศึกษาหาต้นตอของพันธุกรรมมนุษย์   ชายคนนี้ได้รับกระโหลกปริศนาจากสามีภรรยาคู่หนึ่งเพื่อให้ไขความลับของกะโหลกนั้น

ซ้ายกะโหลกมนุษย์โลก - ขวากะโหลกปริศนา

         แล้วกระโหลกนั่นมันแปลกตรงไหน ?  มันแปลกมากจนอาจจะไม่ใช่กะโหลกมนุษย์โลก   สิ่งแรกที่เห็นได้ชัดๆ ก็คือ  ขนาด   กะโหลกปริศนานั้นทีขนาดใหญ่กว่ากะโหลกมนุษย์โลก   ปกติกะโหลกมนุษย์โลกโตเต็มวัยจะมีความจุประมาณ  1,400  ลบ.ซม.   แต่กะโหลกนั้นมีความจุถึง  1,600  ลบ.ซม.   ทั้งๆ ที่ตรวจสอบอายุได้   5 - 6  ปี  เท่านั้น   หากเจ้าของกะโหลกโตเต็มวัยอาจมีความจุถึง  1,800  ลบ.ซม.   เบ้าตา !  นี่ก็แปลก   มนุษย์อย่างเราๆ ท่านๆ เบ้าตามีความลึกถึง  5  ซม.  แต่เบ้าตากะโหลกปริศนามีความลึกเพียง  3  ซม.  และเป็นรูปหยดน้ำ   สุดท้ายที่แปลกก็คือ  ฟัน  ที่มีทั้งหมดถึง  3  ชุด   แต่พวกเรามีแค่  2  ชุด  คือฟันน้ำนมและฟันแท้

ซ้ายกะโหลกมนุษย์โลก - ขวากะโหลกต่างดาว

         คราวนี่นาย  ลล์อย  พาย  แน่ใจเป็นหนักหนาว่าเจอของจริงเข้าให้แล้ว   หลังจากที่เจอแต่พวกที่มาเล่าเรื่องราวพิลึกพิลั่นต่างๆ นานาแต่หาหลักฐานไม่ได้   เจ้ากะโหลกนั่นเขาได้มาจากสามีภรรยาคู่หนึ่งที่ได้รับมาจากเพื่อนบ้านสาวก่อนที่เธอจะตาย   สามีภรรยาเล่าว่าสาวเพื่อนบ้านคนนั้นได้มาตั้งวัยเด็กเมื่อ  50  กว่าปีก่อนตอนกำลังรุ่นๆ ขณะไปเยี่ยมญาติที่อยู่หมู่บ้านเล็กๆ ห่างจากเมืองชิวาวา  (ไม่เกี่ยวกับหมาชิวาว่านะ)  ซึ่งเต็มไปด้วยอุโมงค์และถ้ำจากการขุดเหมือง   แต่ด้วยนิสัยวัยรุ่นเธอแอบไปเล่นในเขตอันตรายเสมอถึงแม้พ่อแม่จากห้ามก็ตามที   จุดเริ่มต้นกะโหลกประหลาดอยู่ตรงนี้แหละ!!   เธอลงไปอุโมงค์แห่งหนึ่ง   เธอเจอกับโครงกระดูก  2  ร่าง   โครงกระดูกร่างที่เล็กกว่าโอบแขนโครงกระดูกที่ใหญ่กว่า  

ภาพเอ็กซเรย์กะโหลกปริศนา

         ไม่รอช้าเธอขุดและเก็บโครงกระดูกทั้งหมดกลับบ้านทันที  (ใจกล้าดีแหะ!)  เมื่อกลับถึงบ้านเธอวางตระกร้าที่ใส่โครงกระดูกไว้หน้าบ้าน   ค่ำคืนนั้นบังเกิดฝนตกห่าใหญ่จนน้ำท่วมพัดเอากระดูกทั้งหมดลอยน้ำไปเหลือแค่กะโหลก  2  กะโหลกและฟันอีก  2  ซี่   สาวนน้อยเก็บกระดูกที่เหลือไว้จนช่วงสุดท้ายของชีวิต   และก่อนตายเธอยกให้เพื่อนบ้าน   เพื่อนบ้านที่ว่านั้นก็คือสามีภรรยาที่กล่าวมาตั้งแต่ตันนั้นแหละ   แต่ฝ่ายภรรยาไม่ได้ชื่นชมกะโหลกนั้นซักนิดทั้งดุด่า  รบเร้า  เคล้าคลึง  เอ้ย!!!   ไม่ใช่ๆ   จน  5  ปีสามีกำลังจะนำกะโหลกนั้นไปทิ้งแต่นึกขึ้นมาได้ว่ามีเพื่อนคนหนึ่งสนใจเรื่องนี้อยู่เลยนำไปให้ไขกันเล่นๆ ยามว่าง   เพื่อนคนนั้นก็คือนาย  ลล์อย  พาย  นั้นเอง
 
         แล้วมันคือกะโหลกของใครล่ะ !?!  ตามตำนานพื้นบ้านได้เล่าถึงพระเจ้าที่ลงมาอยู่กินกับหญิงสาวชาวโลก   เห็นบอกว่าตามคำบรรยายของคนพื้นถิ่นแล้วพระเจ้าที่ว่านั้นมีลักษณะคล้ายมนุษย์ต่างดาวเกรย์  



         ลงมาอยู่กินฉันสามีภรรยาหรือทดลองแพร่เผ่าพันธุ์ !!  เพราะว่าหญิงสาวที่โชคดี  (หรือร้าย??)  เธอคนนั้นเป็นหมันครับ   แต่ไม่นานเธอท้องโย้และคลอดบุตรออกมาและเลี้ยงบุตรประหลาดอย่างลูกเป็นเวลา  6  ปี  แต่อยู่ๆ พระเจ้าก็มาขอเด็กคืน   ด้วยความเป็นแม่ที่ไม่อยากพรากจากลูกเธอพาลูกหนีในเวลาไม่นานต่อมา   ตามตำนานเล่าว่าเธอเข้าไปหลบอยู่ในถ้ำและลงมือฆ่าลูกตัวเองซะและฝังให้แขนโผล่มาโอบแขนเธอไว้   และเธอก็กินยาพิษฆ่าตัวตาย

         ตำนานลงตัวกับความให้การของสามีภรรยาคู่นั้นเป๊ะ!!   เจอโครงกระดูกที่โอบแขนกัน   มีกะโหลก  2  กะโหลกเล็กและกะโหลกใหญ่   แน่นอนว่ากะโหลกใหญ่นั้นเป็นของผู้เป็นแม่ลักษณะเหมือนมนุษย์   และกะโหลกประหลาดนั้นคือกะโหลกของลูกของพระเจ้า  

         มีหลายคนสัณนิฐานกันว่าเด็กคนนั้นอาจจะติดเชื้อตั้งแต่อยู่ในครรภ์สภาพเลยออกมาพิการอย่างที่เห็น   ผมว่าไม่ได้ใช่ถ้ากลายพันธุ์ยังน่าเชื่อกว่า   ถ้าเป็นเด็กพิการจริงๆ ก็เป็นการพิการที่แปลกมาก   พิการจนมีฟัน  3  ชุด   เบ้าตื้นกลายเป็นรูปหยดน้ำ   ส่วนเรื่องกะโหลกใหญ่ก็อาจจะเป็นไปได้  

         ผสมข้ามสายพันธุ์งั้นรึ!!   ก็ไม่น่าจะใช่เช่นกันเพราะปกติอวัยวะเพศเมียเมื่อได้รับเชื้อต่างพันธุ์จะขับสารยับยั้งและฆ่าเชื้อตัวนั้นประกอบกับตามตำนานบอกว่าหญิงสาวคนนั้นเป็นหมัน   ที่สำคัญการผสมข้ามพันธุ์จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเป็นการผสมแบบสัตว์ในวงศ์เดียวกันอย่างเช่น  สิงโตกับเสือ   ม้ากับลา   ถ้าเป็นการผสมข้ามพันธุ์จริงแสดงว่ามนุษย์โลกเป็นสัตว์วงศ์เดียวกับพระเจ้าตามตำนานหรือมนุษย์ต่างดาวนั้นเอง

         จึงสรุปได้ว่าหญิงคนนั้นเป็นเพียงแม่อุ้มบุญ       

         ยัง   ยังไม่จบ !!

         จะมาด่วนสรุปว่าเป็นการอุ้มนั้นมันยังเร็วเกินไปเพราะว่าผู้ชายก็อุ้มบุญได้   พระเจ้าตามตำนานอาจจะเล่นกลจนสามารถผสมข้ามสานพันธุ์กับสัตว์ต่างวงศ์ได้แล้วก็เป็นไปได้   เราจะมาเอาเทคโนโลยีเท่าหางอึ่งของเราไปเทียบกับสิ่งมีชีวิตที่เดินทางระหว่างดวงดาวเป็นว่าเล่นไม่ได้   เขาอาจะค้นพบวิธีการหรือเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ล้ำหน้ากว่ามนุษย์โลกมากนัก  

         ขอสรุปอีกทีครั้งนี้จะจบจริงๆ แล้ว   ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน   มีหลายตำนานเทพที่เล่าถึงลูกครึ่งเทพ   อาจจะเป็นการผสมข้ามพันธุ์จริงๆ ก็ได้

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น