26 พ.ย. 2554

แฉ ! แผนลับลวงโลกมนุษย์ต่างดาวโซคอร์โร

         เรื่องมนุษย์ต่างดาวนี่ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ นอกจากภาพและวีดีโอที่ออกมาอย่างเกลื่อนกลาด   มันก็ต้องมีทั้งจริงและไม่จริงมั่งและน่า!   ในอดีตยังมีคนที่กุเรื่องมนุษย์ต่างดาวออกมาเป็นว่าเล่น   มันก็ดูไม่มีอะไรมากนอกจากนึกสนุกเลยกุเรื่องขึ้นมาเล่นๆ   แต่หลายเรื่องมันมีจุดน่าสงสัยอยู่หลายแห่งราวกับว่าเป็นการปิดข่าวของทางรัฐบาลสหรัฐฯ   ไม่เชื่อลองมาอ่านเรื่องนี้ดูซิ   มนุษย์ต่างดาวโซคอร์โร



         วันศุกร์ที่  24  เมษายน  ปี  1964  ขณะที่จ่าลอนนี่  ซาโมร่า  ซึ่งเป็นสายตรวจของเมืองโซคอร์โร   เวลา  17.50 น.   จ่าลอนนี่กำลังวิ่งไล่ตามรถที่วิ่งเร็วเกินกฎหมายกำหนด  อยู่ๆ เขาได้ยินเสียงดังราวกับระเบิด   คิดว่าน่าจะเป็นพวกลับลอบระเบิดหินเลยละจากรถคันนั้นไปทำงานที่สำคัญกว่า   แต่พอไปถึงกลับไม่ใช่พวกลักลอบระเบิดเหมืองแร่อย่างที่คิด   ไม่จำเป็นต้องบอกก็พอจะเดาได้แล้ว !! 
      
         ครับ !  สิ่งที่ลอนนี่พบก็คืดยานอวกาศรูปไข่สีเงินวาวขนาดเท่ารถยนต์   ไม่ใช่แค่ยานแต่ยังเห็นมนุษย์ต่างดาว  2  คน  ใส่ชุดคลุมสีขาวตัวเท่าเด็กเห็นจะได้   พอต่างฝ่ายต่างหันมาจ้ะเอ๋กันก็ตกใจจนตัวลอย   สักพักก็มีเสียงดังก฿กก้องจนจ่าลอนนี่กระโดหลบแล้วยานลำนั้นก็ลอยลับเขาหายไป

         วันรุ่งขึ้นรัฐบาลส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบสถานที่ตามที่จ่าลอนนี่แจ้งไป   แล้วเจ้าหน้าที่ที่ว่านั้นไม่ใช่ตัวเล็กตัวน้อยแต่เป้นเจ้าหน้าที่ระดับบิ้กทั้งนั้น   ไม่เชื่อลองดูซิครับ   ร้อยเอกริชาร์ด โฮลเดอร์ (Richard Holder) จากกองทัพบก พันเอกวิลเลี่ยม คอนเนอร์ (William Conner) จากกองทัพอากาศ สิบโทเดวิด มูดดี้ (David Moody) เจ้าหน้าที่โครงการลับของกองทัพอากาศ และอาร์เธอร์ ไบเนส (Arthur Bynes) จาก FBI มาทำการสืบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น

         เห็นไหมไม่ธรรมดาทั้งนั้น   ส่วนผลการตรวจสอบก็เป็นไปตามที่จ่าลอนนี่พูดทุกอย่าง   มีร่องลอยการเผาไหม้   จ่าลอนนี่เป็นคนจิตปกติ   ดูถ้าทุกอย่างมันชึ้ไปในทางเดียวกัน   วันที่  28  เมษายน   รัฐบาส่ง  ดร.อัลเลน ไฮเน็ก (Allen Hynek) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องยานบินอวกาศนอกพิภพของโครงการบลูบุ๊ค (Blue Book) มาสืบสวนอีกครั้ง   และนักเคมีจากกระทรวงสาธารณสุขในลาสเวกัสมาตรวจสอบสภาพดิน  พอสารเคมีที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นอะไร   พอรัฐบาลรู้ก็ยึดเอกสารทั้งหมดไปทันที
       
         นอกจากนั้นยังมีคนที่ให้การสอดคล้องอีกหลายคน
         พอล ไกส์ (Paul Kies) และลาร์รี่ คราตเซอร์ (Larry Kratzer) จากรัฐไอโอวา เป็นพยานอีก 2 คนที่เห็นเหตุการณ์ พวกเขาให้การว่าเมื่อวันที่ 24 เมษายน ได้เดินทางไปยังเมืองโซคอร์โร ขณะที่ขับรถไปตามถนนราว 6 โมงเย็น พวกเขาเห็นยานอวกาศรูปไข่สีเงิน มีสัญลักษณ์บางอย่างสีแดงข้างลำตัว ลอยขึ้นจากพื้นในแนวดิ่งเหนือกลุ่มควันสีดำ เมื่อยานลอยพ้นกลุ่มควัน มันก็พุ่งออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งพวกเขาเข้าใจว่าเป็นการทดลองเครื่องบินแบบใหม่ที่ขึ้นลงในแนวดิ่ง

         เนพ โลเปซ (Nep Lopez) เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุตำรวจ ให้การว่าในเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 24 เมษายน มีโทรศัพท์ 3 รายแจ้งเหตุว่าเห็นลูกไฟสีน้ำเงินบนท้องฟ้า ซึ่งคำบอกเล่าของพยานเหล่านี้ล้วนสอดคล้องกับคำให้การของลอนนี่

         อย่างไรก็ตาม การสืบสวนสรุปได้แค่เพียงว่าสิ่งที่ลอนนี่พบเห็นเป็นความจริง แต่ไม่สามารถระบุลงไปได้แน่ชัดว่ามันคืออะไรและมาจากไหน บันทึกการสืบสวนถูกประทับตรา ลับสุดยอดและส่งต่อให้กับ CIA ในปี 1966

        เรื่องราวทั้งหมดถูกผู้สื่อข่าวหลายสำนักนำไปตีพิมพ์ กลายเป็นที่โจษจันไม่ด้อยไปกว่ากรณีจานบินตกในเมืองรอสเวลล์เมื่อปี 1947 แต่ลอนนี่ถูกเพื่อนๆตำรวจล้อเลียนจนทนไม่ไหว ยื่นใบลาออกในปี 1966

         แล้วเรื่องทั้งหมดมันลงเอยยังไงรู้ไหมครับ !!   สรุปสุดท้ายทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องแหกตาที่นักศึกษาชั้นหัวกระทิจากมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงแกล้งจ่าลอนนี่คู่อริเท่านั้นเอง   ซึ่งนักเรียนโรงเรียนนี้มักสร้างเรื่องพิลึกพิลั่นประจำ   เพราะว่าปี  1994   พบจดหมายที่  ดร. ไล  นัส  พอลลิ่ง   ที่มีดีกรีได้รับรางวัลโนเบล  2  ครั้ง  และ 2  สาขาที่ต่างกัน   ที่สนใจและขอข้อมูลเชิงลึกทั้งหมดในช่วงนั้น   ซึ่งมันห่างกันถึง  30  ปี  

         แต่ประทานโทษเถอะครับทำไมมันมีจุดที่น่าสงสัยเหลือเกินล่ะครับ

         เรื่องสารเคมีที่นักเคมีระบุไม่ได้มันคืออะไร!?!  
         ทำไมถึงต้องประทับตรา  ลับสุดยอด  แล้วส่งให้ CIA  ? 

         รู้หรือเปล่าว่า  CIA   คืออะไร  เป็นหน่วยงานที่มีผลงานอยู่ทั้งหน้าฉากและหลังฉากของสหรัฐฯ ทุกหน่วยงานล้วนแต่มี  CIA  คอยคุมหรือไม่ก็มีหน่วยงานที่  CIA  ตั้งคุมทั้งนั้น   แค่นักเรียนแกล้งกันต้องให้หน่วยงานระดับนี้ลงมาสำรวจตรวจตราเองเลยหรือ?   แล้วที่สำคัญประทับตราลับสุดยอดด้วย!?!  

         ทำไม  ดร. ไล  นัส  พอลลิ่ง   ถึงไม่บอกความจริงไปตั้งแต่วันที่อ่านเอกสาร   เขียนจดหมาย  30  กว่าปีถึงมีคนไปเปิดอ่าน   ถ้าบอกว่าต้องการปิดข่าวนี่ผมจะเชื่อทันทีเลย!   เพราะเวลานั้นนักเรียนที่แกล้งอายุก็ปาเข้าไปไม่ต่ำกว่า  50  ปีแล้ว   จะไปสอบถามหรือหาข้อมูลเพิ่มเติมอะไรคงจะลืมไปกันหมดแล้ว

         นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่คนของ  บลูบุ๊ค  ลงมาเอง   ขออธิบายเพิ่มเติมหน่อย   หน่วยงานที่ชื่อว่าบลูบุ๊คเป็นหน่วยย่อยของโครงการ  MJ 12  โครงการนี้มีข่าวเล่าลือออกมาว่าทำหน้าที่ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว   แต่ทางสหรัฐปฏิเสธมาตลอด  แต่ทำไมถึงมีผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานนี้ออกมาได้

         แน่นอนว่าไม่มีคำตอบเรื่องนี้!?!

         พอรวมปัญหาที่ยังคลี่คลายไม่ได้ทุกอย่างมันชึ้ไปคนละทางเลย   ลองคิดดูซิว่ามันชึ้ไปทางไหน

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น