กลับเข้าเรื่องเลยและกัน อย่างที่จั่วหัวไว้นั้นแหละตอนนี้จะเป็นเรื่องเมืองลับแล อาณาจักรที่ว่ากันว่าดำรงอยู่คู่ขนานไปกับโลกของเรา ทำนองเดียวกับโลกใต้พิภพนั่นแหละครับ แต่อย่าพึ่งเบื่อเพราะเคยได้ยินเรื่องเมืองลับแลที่จังหวัดอุตรดิตย์มาแล้ว นะ เรื่องที่คนทั่วไปเขาเขียนไปแล้วนายเจซีไม่สนใจจะเขียนซ้ำหรอก มันต้องเป็นเรื่องใหม่หรือไม่ก็เรื่องที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนักเท่า นั้น (อุดมการณ์สูง.....) ฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่าไม่มีทางซ้ำซากๆ แน่นอน นอกจากอุตรดิตย์ที่ได้ยินจนคุ้นหูแล้วยังมีเมืองลับแลที่จังหวัดอื่นอีก ครับ อย่างวัดถ้ำแกลบ ถ้ำเปี้ยว วัดเขาบันไดอิฐ วัดพระพุทธไสยาสน์ วัดถ้ำรงค์ วัดใหญ่สุวรรณาราม ทั้งหมดอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี โอ้...เยอะแท้แถมยังลึกลับกว่าอุตรดิตย์อีก ทั้งทางเดินใต้ดินที่เชื่อมวัด 4 วัดและอาจจะเป็นทางเดินเข้าออกของชาวเมืองลับแล เรื่องเล่าทางลับปริศนาที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนสร้าง และสร้างไว้ทำไม ตำนานพระนิ้วหินที่หลงเข้าถ้ำที่เพชรบุรีแต่ไปโผล่ที่ราชบุรีระหว่างทางท่าน เจอเมืองลับแลที่มีแต่ผู้หญิงเข้าให้
ลึกลับใช่เล่นแฮะ!! เกริ่นนำพอสมควรจากนี้ขอลงในรายระเอียดให้มันชัดเจนไปเลย เริ่มต้นที่วัดถ้ำแกลบเลยและกันวัดนี้มีชื่อเป็นทางการว่า "วัดบุญทวี" ในเขตวัดนี้มีถ้ำอยู่ถ้ำหนึ่งชื่อว่า "ถ้ำแกลบ" ชื่อกระโหลกกระลาแท้ๆ แต่ว่ามันมีที่มาครับ สาเหตุที่ได้ชื่อนี้เพราะมักมีคนพบแกลบกองเท่ากระบุงอยู่ในถ้ำบ่อยๆ ไม่รู้ว่ามาจากไหน ก็เลยนำไปรวมกับเรื่องทางเข้าออกของเมืองลับแล กลายเป็นว่าคนเมืองลับแลสีข้าวแล้วเอาแกลบมาทิ้ง แถบนี้มีตำนานเมืองลับแลอยู่เรื่องหนึ่งออกจะคล้ายๆ กับเรื่องที่อุตรดิตย์ เรื่องมันมีอยู่ว่า.......
มีชายคนหนึ่งมีอาชีพทำน้ำตาลและรับปาดตาล ทุกวันจะออกไปปีนต้นตาลตั้งแต่เช้าตรู่ ก็ปาดตาลไปเรื่อยเหมือนปกติของทุกๆ วันนั่นแหละครับ และแล้ววันหนึ่งเขาเจอผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากถ้ำทำท่าลับๆ ล่อๆ เอาของบางอย่างซ่อนไว้แล้วเดินจากไปพอเย็นๆ ก็เดินกลับมาเอาของที่ซ่อนไว้แล้วเข้าถ้ำไป ชายหนุ่มนักปาดตาลเห็นเหตุการณ์แบบนี้อยู่หลายครั้งเลยตัดสินลงไปดูให้มัน รู้แล้วรู้รอดไปเลยว่ามันเป็นอะไร รุ่งขึ้นอีกวันรอจนพวกนางไปหมดแล้ว เขาลงไปถึงหน้าถ้ำหายจนทั่วก็ไม่เจออะไรมีแต่แกลบกองอยู่หลายกอง ก็เลยหยิบติดมือมากองหนึ่งแล้วกลับไปทำงานต่อ เย็นวันนั้นหญิงกลุ่มนั้นก็กลับมาหยิบของอะไรซักแล้วกลับเข้าถ้ำแต่ว่าครั้ง นี้มันไม่เหมือนครั้งก่อนๆ นะซิครับ มีหญิงหนึ่งในนั้นนั้งร้องไห้อยู่หน้าถ้ำ ลองไปถามดูนางบอกว่าของของนางหายเลยกลับเข้าไปไม่ได้ เขานึกได้ว่าตัวเองหยิบแกลบมากองหนึ่งเลยเอามาคืน กลายเป็นว่าแกลบกองนั้นคือของสำคัญที่ใช้ผ่านเข้าออกเมืองลับแล แล้วทั้งคู่ก็รักกันตามแบบฉบับตำนาน พล็อตต่อจากนี้ก็เหมือนเรื่องที่อุตรดิตย์แหละครับ ชายปาดตาลเผลอพูดโกหกเหตุผลเดียวกันเป็ะ!! เลยโดนไล่ออกจากหมู่บ้านและภรรยาให้ขมิ้นใส่ยามยื่นให้แล้วไม่พูดอะไร ระหว่างทางก็โยนทิ้งไปบ้าง กลับมาถึงบ้านขมิ้นดันกลายเป็นทอง
พล็อตเดียวกันเมืองลับแลที่อุตรดิตย์เลย ที่เพิ่มเข้ามาก็คือมีแกลบเป็นบัตรผ่านประตู อืม....ขนาดกลับถึงบ้านขมิ้นกลายเป็นทองได้ แกลบกลายเป็นบัตรผ่านประตูมันก็ไม่แปลกหรอกนะ นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่เล่าลือกันว่ามีทางเดินใต้ดินที่เป็นของชาวลับแล เชื่อมวัด 4 วัดเข้าด้วยกันคือ วัดถ้ำแก้วเขาวัง วัดพระพุทธไสยาสน์ วัดเขาบันไดอิฐ วัดถ้ำแกลบ วัดอื่นๆ ทางเข้าอยู่ตรงไหนก็ไม่ทราบแหล่งข้อมูลของผมก็เรียบเรียงมามั่วๆ ไว้หาเจอจะเอามาบอก แต่ที่วัดพระพุทธไสยาสน์หรือเรียกกันติดปากว่า "วัดพระนอน" ที่มีพระนอนองค์ใหญ่โตมโหฬารนั่นแหละ เชื่อกันว่าทางเดินลับใต้ดินที่ว่านั้นอยู่ที่ใต้พระนอนนั่นเอง เรื่องนี้ไม่ได้เล่ากันลอยๆ นะครับมีเรื่องประกอบด้วย ว่ากันว่าในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นในสงครามเก้าทัพพม่าล้อมเมืองนี่ อยู่ แต่ไม่รู้ว่าเหตุอันใดทหารไทยลอบตีข้างหลังพม่าได้ทั้งๆ ที่ถูกล้อมอยู่ ชาวบ้านก็เลยเชื่อว่าทหารไทยลอบออกไปทางลับใต้ดินที่มีเรื่องเล่ามาช้านาน นั่นเอง
พอนำไปรวมกับเรื่องเล่าชาวบ้านที่อ้างว่าสำรวจถ้ำบางแห่งในภูเขาแถบนั้นเช่นถ้ำเปี้ยว ถ้ำเขาหลวง แล้วเจอทางเดินที่ไม่น่าจะเป็นทางธรรมชาติสร้างเพราะมันราบเรียบแถมเจอข้าวของเก่าๆ ทิ้งไว้เกลื่อนกลาด บางถ้ำมีทางเดินในถ้ำก็ทอดยาวไปไกลน่าจะเรียกว่าอุโมงค์มากกว่า เมื่อเดินถึงสุดทางกลับเจอแผ่นปูนซีเมนต์ปิดอยู่ เรื่องที่มีข้าวของทิ้งเกลื่อนพอจะอธิบายได้ว่าเป็นที่หลบภัยเวลาเกิดสงคราม ที่เรื่องผนังปูนซีเมนต์นี่ซิมันมายังไง?? แล้วบังเอิญที่ถ้ำเขาหลวงก็มีผนังปูนปิดอยู่เขาติ๊ต่างว่านี่คือเขตแบ่งเมืองลับแลกับเมืองเพชรบุรี เรื่องนี้จริงหรือเปล่าไม่รู้เพราะไม่เคยไปเหมือนใครไปมาแล้วแวะมาบอกหน่อยและกันว่าจริงไหม ไม่งั้นนายเจซีคนนี้ก็โดนแหกตาแน่ๆ!! แล้วก็บังเอิญเหมือนจงใจที่วัดถ้ำรงค์เล่ากันว่ามีทางเข้าอยู่หลังวัดแต่ปัจจุบันทางเข้านั้นถูกปิดไปตามระเบียบ
เห้อ!!!! ตัดตอนไปหลายส่วนทีเดียวพระนิ้วเพชรก็ยังไม่ได้พูดถึง หลวงพ่อดำที่วัดถ้ำรงค์ชอบออกมาเดิน พระออกมาเดินก็ไม่แปลกหรอกนะแต่หลวงพ่อดำที่ว่านี่เป็นพระพุทธรูปน่ะซิครับ แค่นี่ก็รีบเขียนจะแย่แล้วเอาไว้วันหลังจากหมดมุกเขียนจะเอาเรื่องเล่าชาวบ้านมาลงให้อ่านและกัน
ชอบครับ
ตอบลบ