เขียนเรื่องลึกลับต่างชาติมานานกลับมาเขียนเรื่องลึกลับแบบไทยๆ กันมั่ง
จริงๆ ประเทศไทยเราก็มีเรื่องลึกลับเยอะไม่แพ้ต่างชาติหรอก
แต่ไม่มีใครสนใจฟังเท่านั้นเอง
ต่างชาติเขาโปรโมทเรื่องลึกลับของประเทศตัวเองจนโกยเงินเข้าประเทศตั้งเยอะ
แยะแล้ว ทั้งจากของที่ระลึกเอย สถานที่ท่องเที่ยวเอย
พอมีคนเข้าไปสินค้าพื้นเมืองก็ขายได้ สร้างงานให้กับคนพื้นถิ่นอีก
และก็มีคนบางจำพวกที่ชอบนำเรื่องลึกลับไปผูกกับเรื่องภูตผีวิญญาณเจ้าเข้า
ทรงมั่งล่ะจนกลายเป็นเป็นเรื่องงมงายไป ทั้งๆ
ที่บางเรื่องไม่เกี่ยวกับภูติผีวิญญาณซักหน่อย ขยันผูกเรื่องกันจริงๆ
กลับเข้าเรื่องเลยและกัน
อย่างที่จั่วหัวไว้นั้นแหละตอนนี้จะเป็นเรื่องเมืองลับแล
อาณาจักรที่ว่ากันว่าดำรงอยู่คู่ขนานไปกับโลกของเรา
ทำนองเดียวกับโลกใต้พิภพนั่นแหละครับ
แต่อย่าพึ่งเบื่อเพราะเคยได้ยินเรื่องเมืองลับแลที่จังหวัดอุตรดิตย์มาแล้ว
นะ เรื่องที่คนทั่วไปเขาเขียนไปแล้วนายเจซีไม่สนใจจะเขียนซ้ำหรอก
มันต้องเป็นเรื่องใหม่หรือไม่ก็เรื่องที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนักเท่า
นั้น (อุดมการณ์สูง.....) ฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่าไม่มีทางซ้ำซากๆ แน่นอน
นอกจากอุตรดิตย์ที่ได้ยินจนคุ้นหูแล้วยังมีเมืองลับแลที่จังหวัดอื่นอีก
ครับ อย่างวัดถ้ำแกลบ ถ้ำเปี้ยว วัดเขาบันไดอิฐ วัดพระพุทธไสยาสน์
วัดถ้ำรงค์ วัดใหญ่สุวรรณาราม ทั้งหมดอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี
โอ้...เยอะแท้แถมยังลึกลับกว่าอุตรดิตย์อีก ทั้งทางเดินใต้ดินที่เชื่อมวัด
4 วัดและอาจจะเป็นทางเดินเข้าออกของชาวเมืองลับแล
เรื่องเล่าทางลับปริศนาที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนสร้าง และสร้างไว้ทำไม
ตำนานพระนิ้วหินที่หลงเข้าถ้ำที่เพชรบุรีแต่ไปโผล่ที่ราชบุรีระหว่างทางท่าน
เจอเมืองลับแลที่มีแต่ผู้หญิงเข้าให้
ลึกลับใช่เล่นแฮะ!!
เกริ่นนำพอสมควรจากนี้ขอลงในรายระเอียดให้มันชัดเจนไปเลย
เริ่มต้นที่วัดถ้ำแกลบเลยและกันวัดนี้มีชื่อเป็นทางการว่า "วัดบุญทวี"
ในเขตวัดนี้มีถ้ำอยู่ถ้ำหนึ่งชื่อว่า "ถ้ำแกลบ" ชื่อกระโหลกกระลาแท้ๆ
แต่ว่ามันมีที่มาครับ
สาเหตุที่ได้ชื่อนี้เพราะมักมีคนพบแกลบกองเท่ากระบุงอยู่ในถ้ำบ่อยๆ
ไม่รู้ว่ามาจากไหน ก็เลยนำไปรวมกับเรื่องทางเข้าออกของเมืองลับแล
กลายเป็นว่าคนเมืองลับแลสีข้าวแล้วเอาแกลบมาทิ้ง
แถบนี้มีตำนานเมืองลับแลอยู่เรื่องหนึ่งออกจะคล้ายๆ
กับเรื่องที่อุตรดิตย์ เรื่องมันมีอยู่ว่า.......
มีชายคนหนึ่งมีอาชีพทำน้ำตาลและรับปาดตาล
ทุกวันจะออกไปปีนต้นตาลตั้งแต่เช้าตรู่ ก็ปาดตาลไปเรื่อยเหมือนปกติของทุกๆ
วันนั่นแหละครับ
และแล้ววันหนึ่งเขาเจอผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากถ้ำทำท่าลับๆ ล่อๆ
เอาของบางอย่างซ่อนไว้แล้วเดินจากไปพอเย็นๆ
ก็เดินกลับมาเอาของที่ซ่อนไว้แล้วเข้าถ้ำไป
ชายหนุ่มนักปาดตาลเห็นเหตุการณ์แบบนี้อยู่หลายครั้งเลยตัดสินลงไปดูให้มัน
รู้แล้วรู้รอดไปเลยว่ามันเป็นอะไร รุ่งขึ้นอีกวันรอจนพวกนางไปหมดแล้ว
เขาลงไปถึงหน้าถ้ำหายจนทั่วก็ไม่เจออะไรมีแต่แกลบกองอยู่หลายกอง
ก็เลยหยิบติดมือมากองหนึ่งแล้วกลับไปทำงานต่อ
เย็นวันนั้นหญิงกลุ่มนั้นก็กลับมาหยิบของอะไรซักแล้วกลับเข้าถ้ำแต่ว่าครั้ง
นี้มันไม่เหมือนครั้งก่อนๆ นะซิครับ
มีหญิงหนึ่งในนั้นนั้งร้องไห้อยู่หน้าถ้ำ
ลองไปถามดูนางบอกว่าของของนางหายเลยกลับเข้าไปไม่ได้
เขานึกได้ว่าตัวเองหยิบแกลบมากองหนึ่งเลยเอามาคืน
กลายเป็นว่าแกลบกองนั้นคือของสำคัญที่ใช้ผ่านเข้าออกเมืองลับแล
แล้วทั้งคู่ก็รักกันตามแบบฉบับตำนาน
พล็อตต่อจากนี้ก็เหมือนเรื่องที่อุตรดิตย์แหละครับ
ชายปาดตาลเผลอพูดโกหกเหตุผลเดียวกันเป็ะ!!
เลยโดนไล่ออกจากหมู่บ้านและภรรยาให้ขมิ้นใส่ยามยื่นให้แล้วไม่พูดอะไร
ระหว่างทางก็โยนทิ้งไปบ้าง กลับมาถึงบ้านขมิ้นดันกลายเป็นทอง
พล็อตเดียวกันเมืองลับแลที่อุตรดิตย์เลย
ที่เพิ่มเข้ามาก็คือมีแกลบเป็นบัตรผ่านประตู
อืม....ขนาดกลับถึงบ้านขมิ้นกลายเป็นทองได้
แกลบกลายเป็นบัตรผ่านประตูมันก็ไม่แปลกหรอกนะ
นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่เล่าลือกันว่ามีทางเดินใต้ดินที่เป็นของชาวลับแล
เชื่อมวัด 4 วัดเข้าด้วยกันคือ วัดถ้ำแก้วเขาวัง วัดพระพุทธไสยาสน์
วัดเขาบันไดอิฐ วัดถ้ำแกลบ วัดอื่นๆ
ทางเข้าอยู่ตรงไหนก็ไม่ทราบแหล่งข้อมูลของผมก็เรียบเรียงมามั่วๆ
ไว้หาเจอจะเอามาบอก แต่ที่วัดพระพุทธไสยาสน์หรือเรียกกันติดปากว่า
"วัดพระนอน" ที่มีพระนอนองค์ใหญ่โตมโหฬารนั่นแหละ
เชื่อกันว่าทางเดินลับใต้ดินที่ว่านั้นอยู่ที่ใต้พระนอนนั่นเอง
เรื่องนี้ไม่ได้เล่ากันลอยๆ นะครับมีเรื่องประกอบด้วย
ว่ากันว่าในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นในสงครามเก้าทัพพม่าล้อมเมืองนี่
อยู่ แต่ไม่รู้ว่าเหตุอันใดทหารไทยลอบตีข้างหลังพม่าได้ทั้งๆ
ที่ถูกล้อมอยู่
ชาวบ้านก็เลยเชื่อว่าทหารไทยลอบออกไปทางลับใต้ดินที่มีเรื่องเล่ามาช้านาน
นั่นเอง
พอนำไปรวมกับเรื่องเล่าชาวบ้านที่อ้างว่าสำรวจถ้ำบางแห่งในภูเขาแถบนั้นเช่นถ้ำเปี้ยว ถ้ำเขาหลวง แล้วเจอทางเดินที่ไม่น่าจะเป็นทางธรรมชาติสร้างเพราะมันราบเรียบแถมเจอข้าวของเก่าๆ ทิ้งไว้เกลื่อนกลาด บางถ้ำมีทางเดินในถ้ำก็ทอดยาวไปไกลน่าจะเรียกว่าอุโมงค์มากกว่า เมื่อเดินถึงสุดทางกลับเจอแผ่นปูนซีเมนต์ปิดอยู่ เรื่องที่มีข้าวของทิ้งเกลื่อนพอจะอธิบายได้ว่าเป็นที่หลบภัยเวลาเกิดสงคราม ที่เรื่องผนังปูนซีเมนต์นี่ซิมันมายังไง?? แล้วบังเอิญที่ถ้ำเขาหลวงก็มีผนังปูนปิดอยู่เขาติ๊ต่างว่านี่คือเขตแบ่งเมืองลับแลกับเมืองเพชรบุรี เรื่องนี้จริงหรือเปล่าไม่รู้เพราะไม่เคยไปเหมือนใครไปมาแล้วแวะมาบอกหน่อยและกันว่าจริงไหม ไม่งั้นนายเจซีคนนี้ก็โดนแหกตาแน่ๆ!! แล้วก็บังเอิญเหมือนจงใจที่วัดถ้ำรงค์เล่ากันว่ามีทางเข้าอยู่หลังวัดแต่ปัจจุบันทางเข้านั้นถูกปิดไปตามระเบียบ
เห้อ!!!! ตัดตอนไปหลายส่วนทีเดียวพระนิ้วเพชรก็ยังไม่ได้พูดถึง หลวงพ่อดำที่วัดถ้ำรงค์ชอบออกมาเดิน พระออกมาเดินก็ไม่แปลกหรอกนะแต่หลวงพ่อดำที่ว่านี่เป็นพระพุทธรูปน่ะซิครับ แค่นี่ก็รีบเขียนจะแย่แล้วเอาไว้วันหลังจากหมดมุกเขียนจะเอาเรื่องเล่าชาวบ้านมาลงให้อ่านและกัน
6 เม.ย. 2557
เมืองลับแล ปริศนาอาณาจักรลึกลับ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น
(
Atom
)
ชอบครับ
ตอบลบ