25 ส.ค. 2560

ตำนานสร้างเมืองกัมพูชา "พระทองตำนานสร้างกัมพูชา"

   มาถึงทางกัมพูชากันบ้าง  แถวนั้นจะต่างกับทางพม่าไปเยอะที่เดียวไม่ได้จบลงด้วยความผิดหวังแต่จะเริ่มต้นด้วยการสร้างเมืองและมักจะมีฉากแอ็กชั่นที่มนุษย์สู้กับนาคเป็นประจำ  และมนุษย์มักจะชนะเสมอ  อืม....จากที่เขียนเรื่องเผ่าพันธุ์พญานาคมาไม่รู้คนกัมพูชาเมื่อก่อนเป็นยอดมนุษย์กลายพันธุ์กันหรือยังไง  เอาเป็นว่าไปอ่านกันเลยแล้วกัน
   เรื่องนี้ผมตั้งชื่อให้ว่า "พระทองตำนานสร้างกัมพูชา" ก็แล้วกัน   เรื่องมันมีอยู่ว่า......ณ กรุงอินทปรัตบุรี  มีเจ้าครองนครชื่อว่า  "พระเจ้าอาทิตยวงค์"  มีโอรส 4 คนเมื่อวัยก็ส่งออกไปครองเมืองก็ส่งตามทิสตะวันออก  ตะวันตกและทิศเหนือตามลำดับ  ส่วนน้องคนเล็กยังเยาว์อยู่เลยให้ประทับอยู่ด้วยกันในวังหลวง  แล้วเรื่องมันเกิดขึ้นจากที่น้องคนเล็กอยู่ในวังกับพ่อนี่แหละครับ


นครวัด ประเทศกัมพูชา


   และแล้วก็ถึงบทของพระเอกของเราซะที  ก็ชื่อพระทองตามชื่อเรื่องนั้นแหละ  พระทองเป็นโอรสคนที่ 3 ที่ถูกส่งไปครองเมืองในทิศเหนือ  ซึ่งครอบครัวนี้มีธรรมเนียมอยู่ว่าเมื่อครบ 12 เดือนจะต้องมาพร้อมหน้าพร้อมตากันถวายบังคมพระราชบิดา 1 ครั้ง  แต่ว่าครั้งนี้พระเจ้าอาทิตยวงค์ดันเกิดพระประชวรขึ้นมาเลยบอกให้พระราชบุตรคนสุดท้องเป็นตัวแทนขึ้นบัลลังก์รับคำถวาย  ฝ่ายพระทองก็นั่งมโนไปว่าน้องคนสุดท้องจะขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินครองเมืองหลวง  เกิดอาการอิจฉาขึ้นมาเลยปรึกษากับบรรดาเสนาอำมาตย์  แล้วผลจะออกมาเป็นอะไรไปได้นอกจากยกทัพเข้ายึดเมือง
   พระทองยกทัพมาล้อเมืองเอาไว้พระอาทิตยวงค์ทรงทราบก็ก็ทรงพิโรธโกรธกริ้วเป็นมากมาย  ส่งราชบุตรคนสุดท้องออกไปเจรจาแทน  ฝ่ายคนน้องก็ออกไปถามไถ่ความเป็นมาเป็นไป  พระทองเลยรู้ความจริงว่าครั้งนั้นเป็นแค่การออกมารับแทนไม่ใช่การขึ้นครองเมืองก็ว้อนวอนให้พระราชบิดาพระราชทานอภัยโทษ  แต่พระอาทิตยวงค์ทรงเคืองมากเลยยกกองทัพออกไปจับตัดเกล้าผม (ก็ไม่รู้อ่ะนะว่ามันมีความหมายอะไร) และเนรเทศพระทองกับข้าราชบริพารทั้งหมดออกจากเมืองไป


พญานาค ศิลปะกัมพูชา

   พระทองกับข้าราชบริพารเดินไปจนถึงนครโคกหมันซึ่งใกลเขตเมืองของพวกจาม (เขาไม่ถูกกันอ่ะนะ)  และตั้งหมู่บ้านขึ้นเพื่อจะสร้างเป็นเมืองต่อไป  วันไหนซักวันนั่นแหละพระทองได้เสด็จประพารถึงโคกหมัน  เที่ยวเพลินจนน้ำทะเลขึ้นท่วมกลับไม่ได้เลยต้องรอจนถึงวันรุ่งขึ้น  แล้วคืนนั้นเองนางนาคทาวดีกับบริวารขึ้นมาเล่นน้ำพอดี
   พอพระทองเห็นนางทาวดีเข้าก็เกิดชอบขึ้นมาแล้วออกปากขอแต่งงานมัน ณ วันนั้นเลย  จะด้วยไวไฟหรือยังไงไม่แน่ใจนางนาคตอบตกลง ณ วันนั้นเช่นกัน  แต่ขอพลัดไปอีก 7 วันเพื่อลงไปบอกพระบิดาและให้เวลาพระทองเตรียมเครื่องบรรณาการไว้ที่โคกหมัน  กล่าวเสร็จก็กลับเมืองนาคไป 
   ฝ่ายบิดาพญานาคทราบเรื่องก็ไม่มีปัญหาอะไร  ครบ 7 วันก็ขึ้นมาตามสัญญา  หลังจากสอบถามเรื่องวงศ์ตระกูลเป็นที่เรียบร้อย  พญานาคก็จัดสูบน้ำออกแล้วเนรมิตเมืองตั้งชื่อว่า "กรุงกัมพูชา"
   เสร็จไปหนึ่งเรื่องครั้งนี้ไม่มีฉากแอ็กชั่นเท่าไร  พล็อตออกจะเรียบๆ ไปหน่อยแต่ไม่เป็นไรตำนานสร้างเมืองกัมพูชายังมีอีกหลายพล๊อตไว้รอพล็อตหน้าและกัน


เครดิสภาพ

14 ส.ค. 2560

นาคตามพงศาวดารพม่า

   ตามสัญญาบทความก่อนบอกไว้ว่าจะเล่าเรื่องพญานาคในพงศาวดารและตำนานพื้นบ้านของรอบๆ บ้านเราให้ฟัง  เริ่มต้นด้วยตำนานของพม่ากันเลย  แล้วอย่าได้คิดว่ามันจะเหมือนๆ กันหมดนะ  เพราะแต่ล่ะท้องที่ก็มีพล็อตแตกต่างกันไป  บ้างก็ใส่ฉากแอ็กชั่นลงไป  บ้างก็จบแบบแฮ็ปปี้เอ็นดี่ง  แต่ของพม่าจบด้วยดราม่าลงท้ายด้วยน้ำตาตลอด  ไม่เชื่อลองอ่านดูซิ

   เรื่องมีอยู่ว่่า....เมืองตะโก้งมีตายายคู่หนึ่ง  มีลูกชายชื่อว่า "สอกตะเรียต" เมื่อโตเป็นหนุ่มก็เริ่มออกเดินทางหาอาจารย์เพื่อหาวิชาใส่ตัว  พอดีไปเจออาจารย์มีชื่อคนหนึ่ง (แต่ผมก็ไม่รู้นะว่าชื่ออะไรในหนังสือไม่ได้บอกไว้)  หลังร่ำเรียนอยู่ 3 ปีแต่ไม่สอนอะไรให้เลย สอกตะเรียตจึงบอกลาอาจารย์มีชื่อ (ที่ไม่รู้ว่าชื่ออะไร) ขอตัวกลับบ้าน  อาจารย์กไม่ห้ามแต่ก่อนไปได้พูดทิ้งท้ายไว้ว่า "อย่าเห็นแก่นอนและยิ่งถามปัญหามากเท่าใด  ก็จะยิ่งได้คำตอบมากข้อขึ้นเท่านั้น"  ขณะนั้นเองทางเมืองตะโก้งได้สิ้นพระเจ้าแผ่นดิน  ก่อนตายพระองค์สั่งไว้ว่า "ผู้ใดอภิเษกสมรสกับพระนางภูคำพระราชธิดา  ก็ให้ผู้นั้นเป็นพระราชา"  แต่แล้วก็มีปัญหาเมื่อชายหนุ่มที่เข้าอภิเษกตายในวันพรุ่งเช้าของวันส่งตัวเข้าหอ


วัดเด่นสะหรีศรีเมืองแคน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่




  
   แน่นอนว่าพระนางภูคำไม่ได้เล่นเมคเลิฟจนตายเลยกลายเป็นปัญหาที่เสนาบดีขบคิดหัวแทบแตกและหาสาเหตุไม่ได้  และแล้วพระเอกของเรื่องก็รับสาอา  สอกตะเรียตได้นึกถึงคำพูดทิ้งท้ายของอาจารย์มีชื่อขึ้นมาได้บวกความกลัวว่าตายเหมือนคนก่อนๆ เลยระวังตัวไม่หลับไม่นอนทั้งคืน  (ไม่ได้เล่นเมคเลิฟจริงๆ นะ)  และแล้วความลึกลับของพระนางภูคำก็ปรากฎ...

   แท้ที่จริงแล้วพระนางภูคำมีคู่ขาเป็นพญานาคอยู่ก่อนแล้ว  ทุกๆ  7 วันจะมาหานาง 1 ครั้งแล้วมันตรงพอดิบพอดีกับวันอภิเษกพอพญานาคเห็นมีคนนอนอยู่ข้างนางก็ลงฆ่าซะทุกครั้งไป  โดยเจ้านาคตนนี้จะเลื้อยลงมาจากเสาร์ต้นหนึ่งซึ่งมันกลวงลงมาแปรงร่างลงนอนกับพระนางภูคำ  แต่คราวนี้เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตาของพระราชาสอกตะเรียต  และแล้วก็วนมาถึงวันพญานาคมาหาอีกครั้ง  ตลอดเวลา 7 วันพระราชาตั้งหน้าตั้งตาลับดาบจนคมกริบและคืนนั้นได้ตัดต้นกล้วย 2 ต้นกับเขาควาย  รอจนพระมเหสีหลับสนิทจึงนำมาวางตรงที่บรรทมให้เหมือนมีคนนอนอยู่ (โห...เจ๊นี่ก็หลับสนิทเกิ๊นน)  ครั้งเวลาพญานาคมาเห็นว่าเป็นคนนอนอยู่ข้างพระนางภูคำ  ก็ตรงเข้ากัดเต็มแรงเขี้ยวก็ฝังจมกับเขาควายจนเอาไม่ออก  พระราชาสอกตะเรียตเห็นโอกาสก็ตรงเข้าไปฟันฉับเดียวคอพญานาคขาดกระเด็นกลิ้งคลุ่กๆ เป็นอันสิ้นชีวิตไป  แต่เรื่องยังไม่จนแค่นี้  ทางพระมเหสีภูคำเกิดโกรธที่สอกตะเรียตไปฆ่าคู่ขาของนางเข้าแต่ไม่รู้จะทำยังไงได้แต่เก็บความแค้นไว้  ที่ทำได้ก็มีแค่ฝอกหนังเอามาทำเป็นที่นอนกับหมอน  เอากระดูก 1 ท่อนมาทำเป็นปิ่นปักผม  และรอคอยเวลาที่แก้แค้นพระราชาสอกตะเรียต


งูมังกร  มันมีตัวตนจริงๆ นะ


   เวลาผ่านมาเท่าไรไม่ทราบได้พระนางภูคำได้ก็นึกวิธีแก้แค้น  เลยไปถามคำถามพระราชาโดยอ้างว่า  "ถ้าพระราชาตอบคำถามได้ให้ประหารพระมเหสีเสีย  แต่ถ้าตอบไม่ได้ให้พระมเหสีประหารพระราชาเสีย"  มันช่างเป็นวิธีที่แยบยลมากประมาณว่าถ้าฆ่าไม่ได้ก็ขอตายเองเลยและกันซินะ  และคำถามนั้นมีอยู่ว่า  "อะไรเอ่ย...พันหนึ่งค่าซัก  ร้อยหนึ่งค่าเขาถัก  กระดูกเจ้าปัก  ช้องผมน้องรักเสมอใจ"   นางให้โอกาส 7 วันหาคำตอบมาให้ได้ 

   พระราชาตอบไม่ได้ไล่ถามตั้งแต่เสนาบดีจนไปถึงมหาดเล็กแต่ก็ไม่มีใครตอบได้    จวนเจียนจะถึงกำหนดและแล้วตัวช่วยก็มาถึงเมื่อตายายได้ยินข่าวที่สอกตะเรียตเป็นพระราชาจึงเดินทางมาเยี่ยม  ขณะเดินทางมานั้นได้ดันไปได้ยินกา 2 ตัวพูดกัน (ตายายนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ ) 
   กาตัวแรกพูดว่า "พรุ่งนี้เราไปหากินที่ไหนกันดี"
  กาตัวที่สองตอบอย่างมั่นใจว่า "ก็ที่เมืองตะโก้งใกล้ๆ นี่แหละ"




   "ทำไมต้องไปที่นั่นล่ะ"
   "ไม่รู้เร๊อะว่าพรุ่งนี้จะครบกำหนดที่พระราชาตอบคำถามไม่ได้ต้องถูกประหาร  เราจะได้แทะเนื้อพระราชากันแล้ว"
   กาตัวแรกถามกลับว่า "แกมีฟันแทะเร๊อะ  เขาเรียกจิกกินว้อย!!"
   กาตัวที่ 2 ได้ตอบกลับมาว่า "อ้าวไอ้นี้นอกบทอีก  แกต้องถามว่าคำตอบคืออะไรต่างหาก  บทพูดยิ่งน้อยๆ อยู่  เอาเป็นว่าคำตอบมันมีอยู่ว่า  ข้อแรก พันหนึ่งค่าเขาซัก ก็หมายถึงจ้างบุรุษลอกหนังนาคซักฟอกให้สะอาด  โดยเสียค่าซักหนึ่งพัน  ร้อยหนึ่งค่าเขาถัก  ก็คือให้บุรุษเย็บถักหนังนาคให้เป็นที่นอนกับหมอนหนุน  โดยเสียค่าจ้างหนึ่งร้อย    กระดูกปักเจ้าช้องผน้องรักเสมอใจ  ก็หมายถึงความรักที่มีต่อพญานาคอย่างสุดใจ  จึงเอากระดูกมาทำปิ่นปักผม"
   แล้วตายายก็นำเรื่องนี้ไปเช่าให้พระราชาสอกตะเรียตฟัง  เป็นอันว่าพระราชาก็แก้ปัญหาได้และไม่เอาโทษพระนางภูคำแต่ตัดออกจากการเป็นพระมเหสีแทน

   เป็นอันจบไปอีกเรื่องที่ไม่แฮปปี้เอ็นดิ้งเท่าไรออกแนวฆ่าตกรรมอำพรางซะด้วย  ว่าแต่รู้สึกเหมือนผมไหมว่าพญานาคเป็นตัวประกอบยังไงไม่รู้


เครดิสภาพ

5 ส.ค. 2560

เผ่าพันธุ์พญานาค

   มาเล่าเรื่องพญานาคกันบ้างขอบอกว่าเร้าใจกว่าเรื่องของครุฑแน่นอนเนื่องจากบ้านเรารับคติของนาคมาทางพระพุทธศาสนา ซึ่งเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่หลายเรื่อง  แถมในหนังสือ "ปรมัถโชติกะ

มหาอภิธัมมัตสังคหฎีกา" ปริจเฉมที่ 5 ได้แบ่งประเภทของนาคไว้ระเอียดระออเลยว่า
1.กฏฺฐมุข  พญานาคมีพิษเมื่อโดนพิษแล้วร่างกายจะแข็งไปทั้งตัวแขนขางอยืดไม่ได้  พูดภาษาบ้านเราก็คือเกร็งไปทั้งตัวนั่นแหละ
2.ปูติมุข พญานาคมีพิษที่โดนพิษแล้วบาดแผลจะเน่ามีน้ำเหลืองไหล
3.อคฺคิมุข พญานาคมีพิษที่โดนแล้วจะร้อนไปทั้งตัว  รอยกัดจะเป็นริ้วเหมือนรอยไฟไหม้
4.สตฺถมุข   พญานาคที่โดนพิษแล้วร่างกายจะเหมือนถูกฟ้าผ่า







ศิริศรีปัฏฐานนาคราชเจ้า อยู่ที่วัดถ้ำผาเกิ้ง อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น เชิญไปเที่ยวชมกันได้นะ


                                        
นี่คือพิษ 4 ประเภทที่พญานาคจะปล่อยออกมา  ส่วนวิธีการปล่อยก็ไม่ได้มีแต่กัดอย่างเดียวแต่แบ่งไปอีก 4 แบบ
1.ทัฎฐวิสพญานาค  เมื่อกัดแล้วพิษจะเเผ่ซ่านไปทั้งตัว
2.ทิฏฐวิสพญานาค  สามารถพ่นพิษออกทางตา
3.ผุฏฐวิพญานาค  มีพิษอยู่ทั้วร่างเเค่สัมผัสร่างก็ติดพิษได้
4.วาตวิสพญานาค  พ่นพิษทางลมหายใจ
  

นอกจากวิธีปล่อยพิษเเล้วยังเขียนถึงลักษณะการแพร่กระจายของพิษไว้อีก 4 แบบคือ
1.อาคตวิส น โฆรวิส พิษจะเเผ่ไปอย่างรวดเร็วเเต่ไม่รุนเเรง
2.โฆรวิส น อาคตวิส พิษเเรงมากเเต่เเผ่ไปอย่างช้าๆ
3.อาคตวิส โฆรวิส  พิษเเผ่ไปเร็วมากเเล้วเเรงมาก
4.น อาคตวิส น โฆรวิส  มีพิษเเผ่ไปอย่างช้าเเละไม่เเรง



                                                         
พญานาคสร้างขึ้นมาตั้งแต่การแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ซึ่งประเทศไทยเคยเป็นเจ้าภาพเมื่อปี พ.ศ. 2540 ตั้งตระหง่านอยู่หน้าสนามกีฬาหลักของ มธ. ศูนย์รังสิต

ยังๆ ยังไม่จบยังเเบ่งตามลักษณะการเกิดไปอีก 4 เเบบ
1.อัณฆชพญานาค  พญานาคที่เกิดจากไข่
2.ชลาพุชพญานาค  พญานาคที่เกิดในครรภ์
3.สังเสทชพญานาค  พญานาคที่เกิดจากเหงื่อไคล
4.โอปปาติ พญานาค  พญานาคที่เกิดก็ใหญ่โตเลย





 เเลัวเเบ่งตามที่อยู่อาศัยไปอีก 2 ชนิดคือ
1.ชลชพญานาค  พญานาคที่เกิดในน้ำ
2.ถลชพญานาค  พญานาคที่เกิดบนบก
  
อันนี้สุดท้ายแล้วนะนอกจากที่กล่าวมามากมายก่ายกองนั่นแล้วยังแบ่งออกเป็นไปอีก 2 ประเภท
1.กามรูปีพญานาค  พญานาคที่เสวยกามคุณ
2.อกามรูปีพญานาค  พญานาคที่ไม่เสวยกามคุณ
  

รวมทั้งหมดที่ว่าแล้วพญานาคมีทั้งหมด 1,025 ชนิด  แต่ไปนับเอาเองนะ
   อีกเรื่องหนึ่งที่ควรรู้ไว้ว่ามีนาคบางชนิดที่ไม่กลัวครุฑและครุฑก็กินไม่ได้ด้วยซึ่งมี 7 ชนิด
1.นาคอันมีกำเนิดประณีตกว่าครุฑ  อย่างครุฑที่เกิดในครรภ์จะกินนาคที่เกิดแล้วโตทันทีไม่ได้
2.กัมพลัสตรนาค
3.ธตรัฐนาคราช
4.นาคอันอยู่ในสีทันดรสมุทรทั้ง 7
5.นาคอยู่ในแผ่นดิน
6.นาคอยู่ในภูเขา
7.นาคอยู่ในวิมาน

โอเคจบเรื่องชนิดของนาคแบ่งสายพันธุ์ซะเยอะแยะไม่รู้ว่าครุฑจะแบ่งแบบนี้หรือเปล่านะ  คราวหน้ามาอ่านเรื่องตำนานของนาคในประเทศเพื่อนบ้านเรากันบ้าง  ก็ไม่ใกล้ไม่ไกลแถวๆ พม่า  ลาว  กัมพูชาแถวๆ นี้แหละ  ว่าตำนานบ้านเขาจะเหมือนกับของเราไหม


เครดิสภาพ