23 ก.ย. 2555

เรื่องของครุฑ



    คงไม่มีใครไม่รู้จักครุฑนะ  อมนุษย์ครึ่งนกผู้เป็นเจ้าเวหาขนิดนี้มีเรื่องเล่า - ตำนานแพร่กระจายตั้งแต่อินเดียธิเบตไทยพม่ากัมพูชามาเลเซียอินโดนีเซีย  ทุกประเทศกล่าวถึงรูปร่างคล้ายๆ กันหมดคือตัวเป็นคน มีหัว  ปีกและขาเป็นนก  แล้วก็มีแขนเหมือนคน ตรงที่มีแขนเหมือนคนนี่แหละที่ทำให้ครุฑได้เปรียบกว่าสัตว์บินได้ชนิดอื่น  ก็เหมือนกับคนที่มีแขนหยิบสิ่งของได้สะดวกกว่าสัตว์อื่นนั้นแหละครับ  แต่น่าแปลกที่ทุกๆ ตำนานพูดถึงแต่ครุฑตัวผู้  แล้วครุฑตัวเมียไปไหน? หรือว่าครุฑมีแต่ตัวผู้!
    หลายเรื่องกล่าวถึงวิมานฉิมพลีที่อยู่บนต้นงิ้วอันเป็นที่อยู่ของพญาครุฑ  แต่ไม่เคยเล่าถึงสิ่งของที่อยู่ในวิมานเลย  เราก็เลยไม่รู้ว่าครุฑตอนอยู่ในวิมานจะกินนอนแบบไหน  นอนแบบนกที่ที่สร้างรังพอตัวนอนได้หรือสร้างวิมานแบบปราสาทที่มีรั้วรอบขอบชิด  เป็นปัญหาที่ผมต้องขบกันจนหัวแตกอีกเรื่อง
    อย่างว่าแหละครับถ้าไม่มีความลึกลับจะกลายเป็นตำนานเรื่องเล่าขานได้อย่าไง!!  พูดถึงตำนานที่ไรผมมักจะนึกถึงความลึกลับเรื่องพิศดารชวนให้จินตนาการต่อ  เหมือนกับคำกล่าวหนึ่งว่า  "ตำนานไม่ได้มีไว้ท่องจำ  แต่มีไว้ให้จินตนาการ" 

    งั้นเคยจินตนาการหรือไม่ว่าถ้าครุฑเกิดมีตัวตนจริงๆ ขึ้นมาจะเป็นอย่างไง  พอดีหลายวันก่อนไปซื้อหนังสือมาเล่มหนึ่งเห็นเรื่องน่าสนใจดีเลยกะจะเขียนลงบล็อกให้คนอ่านซักหน่อย  ทั้งๆ ที่ก็ไม่มีคนเข้ามาเท่าไรนัก  หนังสือที่ว่านั้นมีชื่อว่า "ครุฑยุดนาค"  ของ ส.พลายน้อย นักเขียนรุ่นเก๋าที่ผงาดในวงการนักเขียนมาช้านาน  ในเล่มนี้พูดถึงเรื่องจุดเริ่มต้นความขัดแย้งของครุฑกับนาค  เรื่องของครุฑและนาค  และจุดจบความขัดแย้งของครุฑกับนาค  โดยแบ่งที่สองช่วง  ผมก็เลยแบ่งเป็น 3 ตอนมาเขียนลงบล็อกซะ






    ในเล่มนี้มีตอนหนึ่งเขียนเรื่องที่อยู่ของครุฑไว้น่าสนใจมาก  แถมยังเป็นเรื่องที่ผมเองก็ๆไม่เคยอ่านจากหนังสือเล่มไหนมาก่อนเหมื่อนกัน  อย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้นว่าที่อยู่ของครุฑคือวิมานฉิมพลีอยู่บนต้นงิ้ว  คำว่า  ฉิมพลี  เพี้ยนมาจากคำว่า  สิมพลี  ในภาษามคธ  แล้วยังไปตรงกันคำว่า  ศาลมลี  ที่แปลเป็นไทยว่า  ไม้งิ้ว  แล้วเผอิญเหมือนจงใจแหลมมลายูในอดีตปัจจุบันคือประเทศมาเลเซีย  ครั้งอดีตกาลก่อนเรียกว่าแหลมมาลายูดินแดนแห่งนี้ถูกเรียกว่า  ศาลมลีทวีป  หรือดินแดนที่มีต้นศาลมลี  เรียกอีกอย่างว่าดินแดนที่มีต้นงิ้ว  งั้นครุฑก้ต้องอยู่ที่แหลมมลายูนะซิ
    ประกอบกับมีชาดกเรื่อง  "นางสุสันธีชาดก"  ทำให้ตอกย้ำเรื่องครุฑอยู่ในแหลมมลายูให้น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น  ขึ้นชื่อว่าชาดกก็คงจะเป็นชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้า  แต่ชาตินี้พระพุทธเจ้าเกิดเป็นหญิงชื่อว่านางสุสันธี
    อืม!??! .......หลายคนคงค้านนะว่าทำไมพระพุทธเจ้าถึงเกิดเป็นหญิงล่ะ  อย่างลืมประโยคหนึ่งที่พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้มีใจความว่า "มนุษย์เกิดมาแล้วหลายภพชาตินัก  ถ้านำกระดูกทุกชาติมากองรวมกันจะเท่ากับภูเขาลูกใหญ่หนึ่งลูก"  ประโยคนี้พระองค์กล่าวแบบไม่มีข้อยกเว้น  แม้ตัวพระองค์ยังเคยตรัสไว้ว่า "ตัวเราเองก็ไปเกิดมาแล้วทั้ง 16 ภพภูมิ"  ใครอ่านบทสนทนาระหว่างพระพุทธเจ้ากับพระอานนท์ตอนที่พระพุทธเจ้าเล่าเรื่องนรก  สวรรค์    และภพมนุษย์คงคุ้นๆ กับประโยคนี้อยู่นะ  อีกอย่างหนึ่งเราคงได้ยินนิทานชาดกที่พระพุทธเจ้าเสวยชาติเป็นช้าง  ลิง  นาค  มาแล้ว  ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลแล้วทำไมถึงจะมีชาติที่เกิดเป็นหญิงไม่ได้

    ยังไงๆ ก็ขอเล่าเรื่อง  นางสุสันธีชาดก  ซักนิดก็แล้วกัน

    ชาตินี้พระพุทธเจ้าเสวยชาติเป็นนางสุสันธีและเป็นมเหสีของพระเจ้าตัมพราชซึ่งครองกรุงพาราณสี  (รู้สึกว่าจะได้ยินนครนี้บ่อยเหลือเกินนะ)  ก็อยู่กันดีๆ นี่ไม่มีเรื่องอะไรหรอกครับ  แต่เหตุมันเกินตอนที่วันหนึ่งมีครุฑแปลงกายเป็นชายหนุ่มรูปหล่อมาเล่นสกากับพระเจ้าตัมพราชอยู่หลายครั้ง  นางบริจาริกาก็ไปมุงดูเขาเล่นสกาทุกครั้งเลย  ก็คนมันหล่ออ่ะนะ  สาวๆ ก็ต้องเหล่มองเป็นธรรมดา  แต่ดันไปทูลชวนมเหสีสุสันธีมาดูด้วยนี่ซิครับ  มันก็เลยเป็นเรื่อง!  นางปลอมตัวเป็นนางบริจาริกาเพิ่อไปชมความหล่อให้เห็นกันตา  แล้วก็หล่อสมใจเธอครับ  ครุฑที่แปลงกายมาพบเธอเข้าก็เกิดความรักใคร่จนบันดานให้เกิดพายุ  ฟ้ามืดครึ้ม  แล้วก็พาไปยังเกาะเสรุมที่อยู่ของเจ้าครุฑบ้ากามนั้นแหละครับเพื่อร่วมอภิรมณ์จนเสร็จสมอารมณ์หมาย  แล้วก็กลับมาเล่นสกากับพระเจ้าตัมพราชเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ฝ่ายพระเจ้าตัมพราชก็ไม่นิ่งนอนใจ  ก็เมียเล่นหายไปทั้งคนแถมยังสวยอีกด้วยจะนิ่งได้ไงล่ะ!! สั่งให้คนตามหายแทบพลิกแผ่นดิน

    ในบันดาคนที่ออกตามหามีคนหนึ่งชื่อว่า "อัคค" เป็นคนบังคับเรือของพระองค์  ได้ขอโดยสารเรือพ่อค้ากลุ่มหนึ่งที่จะไปค้าขายกับดินแดนสุวรรณภูมิ  แล้วจ่ายค่าเดินเป็นเสียงพิณ  แต่ไม่ใช่เสียงพิณธรรมดานะเพราะพอดีดกลางทะเลบรรดาฝูงปลาแห่กันมาจนเรือโคลงเคลง  แล้วก็เรือก็ล้มตามระเบียบนิทานปรำปราไป  แต่นายอัคคกลับลอดมาได้โดยไปเกยชายหาดตามระเบียบอีกเหมือนกัน  แล้วจงใจแบบบังเอิญหรือยังไงไม่ทราบได้เกาะที่อีตานี้ไปนอนสลบอยู่คือเกาะเสรุมที่ครุฑพานางสุสันธีมาอยู่ด้วย  แล้วก็บังเอิญอีกแล้วครับท่าน (โอ้!!!! น้ำเน่าแท้เหลา)  นางสุสันธีลงมาเดินเล่นที่ชายหาดไปเจอเข้า  แล้วก็พาขึ้นวิมานบนต้นไทรไปรักษาจนหาย  แล้วก็ร่วมอภิรมณ์จนเสร็จสมอารมณ์นางสุสันธีไปอีกราย  ทั้งคู่มีความสุขอยู่ราวๆ หนึ่งเดือนโดยที่ครุฑไม่รู้ (เป็นครุฑก็โดนสวมเขาก็ได้เหมือนกันนะ)  นายอัคคก็ขออาศัยเรือพ่อค้าลำหนึ่งกลับมาเมื่องพาราณสี

    หลังกลับจากการผจญภัยนายอัคคก็รอจนถึงวันที่ครุฑมาเล่นสกา  แล้ววันนั้นก็มาถึง  นายอัคคก็เข้าไปเล่นพิณถวายเป็นทำนองบอกเล่าเรื่องราวที่ตัวเองไปร่วมอภิรมณ์กับนางสุสันธี  จนครุฑสงสัยเลยถามไปถามมา  ก็รู้ว่านายคนนี้ไปถึงเกาะเสรุมแล้วก็ร่วมหลับนอนกับนางสุสันธีมาแล้ว  เลยเกิดอาการช็อก!!  เวรกรรมมันตามทันแล้วครับ  ตัวเองไปพรากเมียคนอื่นมาก็เลยโดยเมียนี้แหละสวมเขาซะ!!!!   จนรู้สึกปลงกับชีวิตอยู่ไกลตั้งขนาดนั้นยังปล่อยให้คนอื่นไปร่วมหลับนอนกับกับเมียตัวเองได้  เลยพานางสุสันธีมาคืนพระเจ้าตัมพราช  ตั้งแต่นั้นมาครุฑก็ไม่เคยมาเล่นสกากับพระองค์อีกเลย

    นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  "สาวงามช่างอันตรายแท้  แม้แต่ครุฑยังโดนสวมเขาได้"

    เริ่มนอกประเด็นและ!!!  นิทานเรื่องกล่าวถึงนายอัคคที่ขอโดยสารเรือพ่อค้าไปยังสุวรรณภูมิแล้วเรือแตก  สุวรรณภูมิก็คือประเทศไทยในปัจจุบัน  ก็เลยคาดการณ์กันว่าเกาะที่นายอัคคไปเกยหาดสลบอยู่น่าจะเป็นเกาะใดเกาะหนึ่งในแหลมมลายู  จะต่างกันตรงที่ในนิทานเรื่องนี้คือต้นไทร   อืม. . . . ต้นงิ้วคงโดนเซ้งไปหมดแล้วมั้งเลยอาศัยต้นไทรอยู่แทน
ว่ากันว่าครุฑตัวสีแดงมีอำนาจมากที่สุด

    อ่านจบผมก็จินตนาการเปรียบเทียบกับสัตว์ชนิดต่างๆ ปกติแล้วไม่ว่าสัตว์ชนิดไหนจะอาศัยในบริเวณที่อาหารกินจะได้ไม่ต้องเดินไกลเวลาหาอาหาร  แล้วครุฑกินนาค  ถ้าครุฑอยู่ที่แหลมมลายูแล้วนาคอยู่ไหน?  แล้วบังเอิญไปพ้องกับตำนานนาคสร้างเมืองกัมพูชา  ก็แสดงว่านาคก็ต้องอาศัยอยู่ที่ประเทศกัมพูชาในปัจจุบันเหมือนกัน  ก็ตรงกันอีกครับ  ครุฑอาศัยในแหลมมลายูเวลาออกหากินก็บินไปกินนาคที่กัมพูชา  ดูตามแผนที่ในปัจจุบันถ้าเดินทางอากาศก็ไม่ไกลกันเท่าไรนัก
    ชักจะลึกลับขึ้นมาแล้วใช่ไหมล่ะ!!!

    ยังก่อนๆๆ  เรื่องครุฑตัวเมียผมยังไม่พูดถึงเลย  ลองจินตนาการดีๆ ว่าอมนุษย์ครึ่งนกที่เป็นเพศหญิงลักษณะใกล้เคียงกับครุฑ  แต่ตำนานนี้ไม่เคยกล่าวถึงเพศชายเลย  อยู่ในตำนานไหน  ! . ! .! . ! . ! . ! . ! . !
   นึกออกยัง!!!  ถ้าไม่ใช่คนที่ชื่นชอบตำนานเทพ - อสูร  คงนึกไม่ออกแน่!    เฉลย  อยู่ในตำนานเทพกรีก - โรมันครับ  ฮาร์ปี้ไงล่ะ !!  ได้ยินแต่ฮาร์ปี้เพศหญิง  หรือว่ามีใครได้ยินเรื่องฮาร์ปี้เพศชาย????
   มันช่างเป็นตำนานที่ดูพ้องกันมากๆๆ
ฮาร์ปี้ทำไมมีแต่เพศหญิง???

ฮาร์ปี้รูปนี้เล่นซะเอ็กเชียว

2 ความคิดเห็น :